นิวคาสเซิ่ล แชมป์ ลีกคัพ รายล่าสุดของเมืองผู้ดีอยู่ภายใต้การบริหารของ ซาอุดิ อาระเบีย พับลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (พีไอเอฟ) ซึ่งซื้อหุ้นก้อนโตของสโมสรจาก ไมค์ แอชลีย์ ในปี 2021 จนในที่สุดพวกเขาประสบความสำเร็จคว้าโทรฟี่ใบแรกในรอบ 70 ปีมาประดับตู้โชว์ของสังเวียนแข้ง เซนต์ เจมส์ พาร์ค ได้แล้ว
หลังได้ชูถ้วยแชมป์ที่ เวมบลีย์ เมื่อวันอาทิตย์ เดอะ เทเลกราฟ เผยเมื่อ 17 มี.ค.ว่า พีไอเอฟ วางแคมเปญสร้างความยิ่งใหญ่ให้ทีมในชื่อ “โปรเจ็กต์ 2030” โดยถึงขณะนี้พวกเขาบรรลุหนึ่งเป้าหมายแล้วกับการพาทีมคว้าแชมป์
จุดเดือดต่ำ! นักวิ่งวัยรุ่นโดนตัดสิทธิ์ผลักคู่แข่งก่อนเข้าเส้นชัย
เป็นไปได้! อดีตแข้งแมนซิตี้ ชี้เหตุ โม ซาลาห์ ฟอร์มฝืดชิงคาราบาว คัพ
เก่งตรงไหน?พิธีกรดังชี้ ลิเวอร์พูล ทีมเกรดธรรมดา
สำหรับอีกสามเป้าหมาย สื่อเจ้าดังกล่าวเผยว่า สาลิกาดง มีแผนเสริมทัพเพิ่มความแข็งแกร่งให้ทีมในอนาคต พร้อมทั้งจะโละนักเตะที่มีอายุเกิน 30 ปีเพื่อทำให้อายุเฉลี่ยของทีมลดลง
สำหรับเป้าหมายที่สามของทีมอีสานคือการเพ่งเล็งไปที่การโกยรายได้โดยปีที่ผ่านมา สาลิกาดง ทำเงินได้สูงที่สุดเป็นสถิติของสโมสร 320 ล้านปอนด์ (ราว 14,080 ล้านบาท) แต่ยังเป็นรอง อาร์เซน่อล ที่ปีก่อนโกยเงินได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก 616.6 ล้านปอนด์ (ราว 27,130 ล้านบาท) จึงทำให้เจ้าของทีม นิวคาสเซิ่ล หวังทำตัวเลขดังกล่าวให้ใกล้เคียงกับช่องว่างที่เป็นอยู่
สำหรับแผนสุดท้าย เดลี่ เมล เผยเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สาลิกาดง พร้อมสร้างสนามใหม่ขนาดความจุ 65,000 ที่นั่งขึ้นมาทดแทนรังปัจจุบันของทีมที่ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 1892 ซึ่งจะเป็นช่องทางทำให้สโมสรเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายบัตรผ่านประตู
,
