1. อาร์เซน่อล ที่ตุนสกอร์มา 3-0 จากนัดแรกไม่ได้มาตั้งรับแบบเต็มตัวนะครับ ขอโทษ
เวลาเล่นเกมรับ พวกเขาทั้งรับตั้งแต่แดนบน ด้วยการบีบสูงแล้วบดบี้เข้าใส่ ไม่ให้เจ้าถิ่นเล่นเกมรุกได้ถนัดสลับกับถอยลงมารับในแดน เพื่อปิดพื้นที่ให้แน่นหนา
ผลบอล เรอัล มาดริด 1-2 อาร์เซน่อล (รวม 1-5) | ปืนใหญ่โค่นราชันคาบ้าน! ลิ่วตัดเชือก UCL ดวลปารีส
อาร์เซน่อล เต็งคว้า โยเคเรส ซัมเมอร์นี้! แมนยู-เชลซีตามติดแต่เรตรอง
REMONTADA!?
ทีมชุดขาวครองบอลบุกได้มากกว่าก็จริง ทว่าไม่ได้สร้างความกดดันให้เกมรับของผู้มาเยือนสักเท่าไหร่ จนโอกาสใกล้เคียงประตูน้อยมาก ถ้า วิลเลี่ยม
ซาลีบา ไม่พลาดเองก็คงทำประตูไม่ได้ด้วยซ้ำ
2. เวลาได้บอล อาร์เซน่อล จะเน้นการครองบอลแบบดึงจังหวะ จ่ายบอลไปจ่ายบอลมา โดยอาศัยความแน่นอนมากกว่าที่จะโต้กลับฉับพลันด้วยลูกฉาบฉวย
พูดง่ายๆ ว่า ‘เล่นกับเวลา’ นั่นแหละ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เสียบอลให้คู่แข่งเอามาเล่นเกมรุกเร็วเกินไป เนื่องเพราะมีสกอร์ตุนอยู่ถึง 3 ดอก จะรีบเร่งไปใย
เกมไม่ได้เป็นรองอะไรมาก
อืมมมมม…นะ
3. จุดโทษของ อาร์เซน่อล – จริงๆ ไม่ถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ในเมื่อ VAR เคร่งกฎ ก็ตามนั้น
หาก บูกาโย่ ซาก้า ยิงเข้าไปก็ฉ้อยเก็บฉาก แต่การชิพนิ่มๆ แบบเหนือชั้น มันต้องชิพไปตรงกลางประตู ไม่ใช่ชิพไปทางมุมซ้ายแบบเบาๆ ซะขนาดนั้น
ส่วนจุดโทษของ มาดริด ผมเห็นด้วยกับผู้ตัดสินที่ยกเลิก เพราะท่านประธานเจตนาทิ้งตัวชัดเจน แถมล้ำหน้าอีกตะหาก
จุดนี้สำคัญมาก เพราะหากเจ้าบ้านขึ้นนำก่อน ตอนจบอาจเป็นอีกแบบ
4. ผมสังเกต คือหลังจบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 0-0 แล้วพอครึ่งหลังผ่านไปประมาณ 15 นาที โดยที่ยังทำประตูขึ้นนำไม่ได้ ผู้เล่นทีมชุดขาวก็เริ่มไม่วิ่ง ไม่ไล่ และไม่เร่งอะไรมาก
ประมาณว่า…กูยอม !!!
เท่านั้นไม่พอยังออกลูกเกเร เล่นด้วยอารมณ์ แล้วไล่อัดคู่แข่งจนเสียฟาวล์เป็นระยะ
5. อาร์เซน่อล เล่นได้ไฉไลนะครับ พวกเขาทำตามแผนการเล่นที่ มิเกล อาร์เตต้า ติดตั้งเอาไว้อย่างเยือกเย็น ไม่มีร้อนลน เฉพาะอย่างยิ่งตรงกลางที่มี เดคแลน ไรซ์ กับ โธมัส ปาเตย์ คอยตัดเกมพลางดักบอล เก็บบอล คุมจังหวะ
ส่วน เรอัล มาดริด และฤดูกาลนี้ ประสิทธิภาพในการชำเราคู่แข่งตกลงไปพอสมควร แถมไม่ค่อยสม่ำเสมอสักเท่าไหร่ หากชวดแชมป์ ลา ลีกา อีกรายการ
บางที ‘พี่แช่’ อาจถึงขั้นตกงานเลยทีเดียว !!!
“บอ.บู๋”
,