วันที่ 22 กรกฎาคม 2020 แฟนบอลหงส์แดงทั่วโลกมีโอกาสได้เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสำคัญนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะมันเป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่แสนยาวนานเมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สอยเท้าพร้อมชูโทรฟี่สีเงินมันวาบวับขึ้นเหนือศีรษะ
แชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรกนับตั้งแต่ปี 1990 เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกและทำให้ฝันของผู้คนที่ขายวัญญาณให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นความจริง แต่กระนั้นมันก็ไม่ใช่การฉลองที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะสนามแอนฟิลด์ตอนนั้นว่างเปล่า เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
แฟนผีแดงยิ้มร่า! โรมาโน่ ยัน แมนยู เต็งสอย คุนญ่า จาก วูล์ฟส์
บาร์เซโลน่า พบ มายอร์ก้า : หายไปนาน!ฟลิค ยัน แทร์ สเตเก้น พร้อมคัมแบ็กเฝ้าเสา
เฮคู่! ลีดส์-เบิร์นลีย์ คัมแบ็กพรีเมียร์ลีก ซีซั่นหน้าเรียบร้อย
สำหรับฤดูกาล 2024/2025 ลิเวอร์พูล ใกล้คว้าแชมป์ลีกอีกสมัย และครั้งนี้พวกเขาจะได้ฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ กระนั้นหากย้อนไปเมื่อ 5 ปีก่อนมีหลายสิ่งที่แฟนบอล “เดอะ เร้ดส์” อาจจะลืมเลือนไปบ้าง งั้นลองไปทบทวนความทรงจำกันซะหน่อย
1. ฟีร์มีโน่ ยิงประตูในบ้านลูกแรกแมตช์สุดท้ายของซีซั่น
ทุกสายตาที่เป็นแฟนบอลหงส์แดงจับจ้องช่วงเวลาการได้ฉลองแชมป์ลีกหลังสิ้นสุดเสียงนกหวีดเกมที่พบกับ เชลซี โดยแมตช์นั้นหัวใจของสาวก “เดอะ ค็อป” ไมได้สนใจเรื่องสกอร์แม้แต่นิดเดียว
แมตช์นั้นเป็นการเล่นในแอนฟิลด์ เกมสุดท้ายก่อนเปิดซีซั่น และพวกเขาจะได้ฉลองแชมป์อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อทีมนำ “สิงโตน้ำเงินคราม” 3-1 ในครึ่งแรก จากผลงานของ นาบี เกอิต้า, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ จินี่ ไวจ์นาดุม
จากนั้น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ บวกสกอร์เพิ่มเป็น 4-1 อย่างไรก็ตาม โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, แทมมี่ อับราฮัม และ คริสเตียน พูลิซิช ช่วยยิงประตูให้ทีมเยือนไล่บี้มาติด 3-4 แต่ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์ลิน จัดการซัดปิดกล่องให้เจ้าบ้านถลุงด้วยสกอร์ 5-3
สิ่งที่น่าประทับใจในแมตช์นี้นอกจากการได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกที่รอคอยแล้ว ยังเป็นการฉลองให้ ฟีร์มีโน่ ที่ซัดประตูแรกในลีกกับการเล่นที่แอนฟิลด์ในฤดูกาลนั้นด้วย ซึ่งถือเป็นการจบโปรแกรมเกมเหย้าที่งดงามจริงๆ
2. แฟร้งค์ แลมพาร์ด ปากแจ๋ว
แฟร้งค์ แลมพาร์ค ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่กุมบังเหียน เชลซี ในการบุกเยือนแอนฟิลด์ ในเกมนัดรองสุดท้าย และเป็นเกมในบ้านนัดสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาล 2019/2020
แมตช์นั้น “แลมพ์ส” เกิดอาการตบะแตกตะโกนถ้อยคำผรุสวาทต่อหน้า คล็อปป์ และ เป็ป ไลจ์นเดอร์ส ผู้ช่วยโค้ช หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปั่นฟรีคิกสุดงามเข้าประตูให้เจ้าบ้าน
ช่วงเวลาดังกล่าว แลมพาร์ด ใช้วาจาที่รุนแรงและหยาบคายใส่ คล็อปป์ แบบไม่เกรงใจ ขณะที่ “บอส” เลือกที่จะไม่ตอบโต้ และยังบอกให้ กุนซือชาวอังกฤษ ใจเย็นๆ แต่มันไม่ได้ทำให้เขาหยุดด่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน ได้เลย
เหตุการณ์ดังกล่าวแฟนบอลลิเวอร์พูล อาจจะลืมไปแล้ว เพราะตอนนั้นทีมเตรียมฉลองแชมป์ แต่กระนั้นมันก็คือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่น่ารื้อฟื้น แม้จะไม่ค่อยน่าจดจำ แต่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรลืมจริงๆ
3. ชูโทรแฟี่แชมป์บนอัฒจันทร์
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น การฉลองแชมป์ของ ลิเวอร์พูล ค่อนข้างจะแปลกตา เพราะมีการจัดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน และต้องขึ้นไปรับโทรฟี่แชมป์บนอัฒจันทร์ !!
มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ห้ามเข้าไปในสนามแอนฟิลด์ โดยอนุญาตให้แค่ทีมงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะได้สิทธิ์ในการเข้าไปในสนาม
ตอนนั้นฝ่ายจัดการแข่งขันพยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดด้วยการจัดเตรียมเวทีเอาไว้บนอัฒจันทร์ พร้อมกับป้ายที่วางเอาไว้บริเวณที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีการจัดแสงสีตระการตาเพื่อให้เป็นที่น่าสนใจ และมองข้ามบรรยากาศรอบด้านที่แสนว่างเปล่า
ช่วงเวลาที่ เซอร์ เคนนี่ ดัลกลิช มอบถ้วยแชมป์ให้กับ เฮนเดอร์สัน ซึ่งจัดการบรรเลงสอยเท้าหยิกๆ ก่อนชูโทรฟี่ที่รอคอยมานาน 3 ทศวรรษขึ้นเหนือศีรษะ มันช่างเป็นบรรยากาศที่แสนมีความสุข แต่ขาดความขลังไปหน่อยเพราะไร้แฟนบอล
4. ดราม่าครอบครัวร่วมฉลองแชมป์
นอกจากสาวก “เดอะ ค็อป” จะไม่ได้มาร่วมฉลองความสำเร็จในสนามแล้ว ครอบครัวของทุกๆ คนในทีมได้รับอนุญาตให้มาร่วมแจมความสุขในครั้งนั้นด้วยไหม ? คำตอบก็คือ ไม่ ! แต่สุดท้ายสถานการณ์กลับพลิกผัน
ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แฟนบอลหมดสิทธิ์ได้เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาสุดพิเศษ ขณะที่ทางสโมสรพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อให้สมาชิกครอบครัวกว่า 200 คน ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์
ในตอนแรก “หงส์แดง” ได้รับการปฏิเสธในเรื่องดังกล่าว แต่ท้ายที่สุดความพยายามของพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ เมื่อสมาชิกครอบครัวของทุกคนได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญดังกล่าว
แน่นอนว่าสิ่งนี้มีความหมายสำหรับ คล็อปป์ แอนด์ โค. เพราะในขณะที่พวกเขาได้รับเหรียญรางวัลแห่งความสำเร็จ พร้อมกับครอบครองถ้วยแชมป์ที่รอมานาน ครอบครัวของทุกคนก็ได้ปลาบปลื้มกับความพยายามที่พวกเขาทำกันมาตลอดทั้งซีซั่น
5. นักกายภาพอยู่ด้านหน้าตอนฉลองแชมป์
ในเวลานั้น สาวก “เดอะ ค็อป” อาจสังเกตเห็นว่ามีบุคคลคนหนึ่งปรากฏขึ้นในรูปถ่ายต่างๆ มากมายในช่วงฉลองแชมป์ เขาไม่ใช่ผู้เล่นหรือใครก็ตามที่คุณอาจรู้จักในตอนนั้น
ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นกันแดดอยู่ตรงด้านหน้าของ นาบี เกอิต้า มีนามว่า โฆเซ่ หลุยส์ โรดริเกซ ซึ่งเป็นนักกายภาพบำบัดของ ลิเวอร์พูล ในช่วงเวลานั้น และถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญของทีมเช่นกัน
โรดริเกซ ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ทำงานในฐานะนักกายภาพบำบัดให้ “หงส์แดง” แล้ว อยู่ตรงด้านหน้าและจุดกึ่งกลางของภาพ และนั่นทำให้เขาอยู่เคียงข้างกับโทรฟี่แชมป์ในทุกวินาที งานนี้เขามั่นใจได้เลยว่าจะมีภาพของเขาติดอยู่มากมายในช่วงที่ฉลองแชมป์
6. งานฉลองในห้องแต่งตัว
คล็อปป์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ขอให้ฉลองกันที่บ้าน เพื่อความปลอดภัย ดื่มอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ เตรียมงานปาร์ตี้เมื่อไวรัสเฮงซวยนี้หมดไป จากนั้นเราจะฉลองปาร์ตี้ด้วยกัน ทำให้มั่นใจว่าพวกคุณพร้อม!”
น่าเสียดาย ที่ปาร์ตี้ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้น
ภาพแห่งความสุขจากสนามถูกย้ายเข้ามาในห้องแต่งตัว และมันเป็นภาพที่งดงามตอนที่แชมเปญพุ่งกระจายไปทั่วห้อง พร้อมกับเสียงโห่ร้องตะโกนอย่างมีความสุขในการฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก
เสียงร้องเพลงที่ดังไม่หยุดไม่หย่อน, การเต้นอย่างมีความสุข, นักเตะหลายคนเหวี่ยงเสื้อด้วยความสะใจ ขณะที่ คล็อปป์ เดินกอดลูกทีมและสตาฟฟ์โค้ช พร้อมกับส่งเสียงปลุกใจ ทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของทุกๆ คนที่เกี่ยวพันกับ ลิเวอร์พูล
7. แสง-เสียงพลุไฟนอกสนามแอนฟิลด์
แม้ว่าจะมีการจุดพลุไฟในสนามก่อนที่จะมีการฉลองแชมป์หลังชนะ เชลซี 5-3 แต่กระนั้นก็มีดอกไม้ไฟอีกมากมายที่มีการจัดเตรียมเอาไว้ เพื่อเป็นการขอบคุณบรรดาแฟนบอลที่มารวมตัวกันภายนอกสนามแอนฟิลด์
ด้วยมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้มีกฎข้อบังคับห้ามประชาชนรวมตัวกันเป็นจำนวนมาก เพราะไม่อยากให้เกิดการแพร่ระบาดซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่สามารถหยุดยั้งสาวก “เดอะ ค็อป” พันธุ์แท้ได้เลย เพราะพวกเขาตัดสินใจเดินทางมาที่ แอนฟิลด์ เพื่อร่วมแสดงความยินดีให้กับทีมรัก ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเสียงและเห็นแสงสีตระการตาจากพลุไฟที่ถูกจุดขึ้นในสนาม
ลองนึกเล่นๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากแฟนบอลได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสนามแอนฟิลด์….. แต่เดี๋ยวอีกไม่นานทุกๆ คนจะได้รู้ว่าบรรยากาศที่เฝ้ารอมานานมันจะเป็นยังไง !!!
TOMMY T.
,