เอลเลียตต์ ถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองไป 19 ครั้งในฤดูกาลนี้ โดยเฮดโค้ชอาร์เน่อ ให้เขาเป็นตัวเปลี่ยนเกมอยู่บ่อย ๆ ซึ่งมันก็เกิดครั้งหลายต่อหลายครั้ง
นี่คือการลงเล่นนัดที่ 23 ทุกรายการของ เอลเลียตต์ ซึ่งเขาเข้าใกล้ที่จะจบฤดูกาล พรีเมียร์ลีก แบบที่ไร้ชื่อเป็น 11 คนแรก และมีเพียง 4 นัดเท่านั้นที่เขาได้ออกสตาร์ตตัวจริง คือ หนึ่งนัดใน คาราบาว คัพ สองนัดใน เอฟเอ คัพ และอีกหนึ่งนัดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
โกดี้ คักโป ยิ้มฟอร์มซีซั่นนี้กับลิเวอร์พูล หวังปิดจ็อบแชมป์พรีเมียร์ลีก
ไม่เชียร์ลิเวอร์พูลแล้ว! แอนจ์ ปอสเตโคกลู ขอหยุดแผนฉลองแชมป์หงส์แดง
5 สิ่งที่แฟนลิเวอร์พูลอยากเห็นในเกมพบสเปอร์ส : ลุ้นฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25
จากตัวเลขดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนบอลเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตของเขา ว่าหลังจบฤดูกาลนี้ไป เอลเลียตต์ จะยังเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล อยู่ไหม
…
ย้อนกลับไปช่วงเดือนมกราคม เอลเลียตต์ เคยออกมาโต้กระแสข่าวลือที่ว่า ลิเวอร์พูล พร้อมรับฟังข้อเสนอที่ยื่นเข้ามาเพื่อคว้าตัว
“ผมไม่ย้ายไปไหนแน่นอน” เขาบอกแบบนั้นกับ Amazon Prime หลังยิงประตูชัยใส่ ลีลล์ ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก
“นี่คือ ลิเวอร์พูล คือทีมของผม สโมสรของผม ผมเป็นแฟนบอลของทีม และฤดูกาลนี้เราก็ทำผลงานได้ดี”
เกมนั้น เอลเลียตต์ ลงมาเปลี่ยนเกมได้อย่างชัดเจนจากม้านั่งสำรอง เช่นเดียวกับเกมที่เอาชนะ เบรนต์ฟอร์ด 2-0 ก่อนหน้านั้น 3 วัน ที่เขามีบทบาทสำคัญในจังหวะขึ้นเกมทั้งสองลูก
“ลิเวอร์พูล คือสโมสรของผม คือทีมของผม” เขากล่าวหนักแน่นหลังเกมกับ เบรนต์ฟอร์ด
“ผมอยากสู้เพื่อโอกาสในทีม ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยทีม ขึ้นอยู่กับตัวผมเองว่าจะทำมันให้ได้ ผมจะไม่ยอมแพ้ จะสู้ต่อไป แล้วเดี๋ยวเราก็จะได้รู้กันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
เอลเลียตต์ ไม่เคยปิดบังว่าเขาคือ เดอะค็อปพันธุ์แท้ เขาให้คุณค่ากับทุกนาทีในสนาม แม้จะได้ลงเล่นน้อยแค่ไหน เขาก็มักจะเป็นหนึ่งในคนสุดท้ายที่เดินออกจากสนาม เพื่อปรบมือให้แฟนบอลรอบสนามอย่างทั่วถึง
นั่นทำให้สถานการณ์ของเขาดูต่างจากนักเตะทั่วไป ปกติแล้วหากนักเตะคนหนึ่งได้รับโอกาสน้อยตลอดทั้งฤดูกาล พวกเขาเหล่านั้นมักจะเริ่มมองหาทางออก แต่ไม่ใช่กับ เอลเลียตต์ และดูเหมือน ลิเวอร์พูล เองก็ไม่ได้อยากปล่อยตัวเขาออกไป เขาคือหนึ่งในสมาชิกที่สโมสรมองว่ามีคุณค่า และเป็นนักเตะโฮมโกรว์นที่ทีมจำเป็นต้องมี โดยเฉพาะกรณีที่ เทรนต์ ย้ายออกไปในช่วงซัมเมอร์นี้
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่ไม่ใช่ฤดูกาลที่เขาวาดหวังไว้ ย้อนไปปลายฤดูกาลก่อน เจอร์เก้น คล็อปป์ เคยยอมรับว่าสิ่งที่เขาเสียดายคือการไม่ได้ให้โอกาส เอลเลียตต์ มากพอ หลังเจ้าตัวยิงประตูใส่ สเปอร์ส ในเกมที่ชนะ 4-2
จริง ๆ แล้ว เอลเลียตต์ คือหนึ่งในนักเตะที่ลงสนามมากที่สุดในฤดูกาล 2023/24 ด้วยจำนวน 51 นัด เท่ากับ โคดี้ กัคโป มีเพียง ดาร์วิน นูนเญซ (53 นัด) ที่ลงมากกว่า
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ได้เป็นตัวจริงประจำ โดย คล็อปป์ ให้โอกาสลงตัวจริง 27 นัด ซึ่งทำให้เวลาลงสนามรวมของเขาอยู่แค่ลำดับที่ 9 (2,800 นาที)
เขาได้ฉายาจากแฟน ๆ ว่า “ซูเปอร์ซับ” เพราะมักจะลงมาแล้วเปลี่ยนเกมได้เสมอ เป็นคนที่ คล็อปป์ นึกถึงเป็นลำดับต้น ๆ เมื่อทีมต้องการประตู ซึ่งซีซั่นนั้น เขาจบฤดูกาลด้วยผลงาน 4 ประตู 11 แอสซิสต์
กลับกัน อาร์เน่อ ไม่ได้ใช้แนวทางเดียวกับ คล็อปป์ เอลเลียตต์ จะต้องลงสนามในเกมลีกที่เหลือเกือบทั้งหมด จึงจะมีโอกาสทะลุ 1,000 นาที เพราะตอนนี้เขาได้เล่นไป 651 นาทีเท่านั้น
ฤดูกาลนี้เคยถูกมองว่าเป็นปีที่ เอลเลียตต์ จะก้าวกระโดด โดยเฉพาะเมื่อ อาร์เน่อ ใช้ระบบที่มีเบอร์ 10 แทนการใช้มิดฟิลด์สองคนแบบเบอร์ 8
ยิ่งตอนช่วงปรีซีซั่น เขาแสดงผลงานได้เข้าตา ถ้าใครยังจำได้คือลูกแอสซิสต์ใส่ อาร์เซน่อล ที่ สหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ดี จังหวะชีวิตมันกลับสะดุด เมื่อเขากระดูกเท้าแตก หลังเล่นไป 3 นัด และทำให้ต้องพักเกือบ 3 เดือน จนเมื่อกลับมา ทีมก็เข้าที่เข้าทาง โดมินิค โซโบซไล กับ เคอร์ติส โจนส์ ยึดตำแหน่งตรงแดนกลางไปแล้ว
อาร์เน่อ ไม่ใช่โค้ชที่ชอบโรเทชั่น เขายึดมั่นในนักเตะกลุ่มหลักมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน และใช้กลุ่มนั้นมาตลอด เพราะทีมก็ยังชนะต่อเนื่อง
เอลเลียตต์ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ซึ่งเป็นหน้าใหม่ในซัมเมอร์ ต่างพลาดโอกาสพิสูจน์ตัวเองในช่วงแรกของฤดูกาล จึงไม่สามารถแทรกตัวเข้ามาในทีมตัวจริงของ อาร์เน่อ ไปอย่างเต็มตัว
อาร์เน่อ เคยกล่าวไว้ในการแถลงข่าวว่า การหายหน้าไป 2-3 เดือนสามารถส่งผลกระทบกับนักเตะใน พรีเมียร์ลีก ได้ไม่ว่าอายุเท่าไร หากไม่ใช่ตัวหลักมาก่อนแล้ว การจะกลับมาเข้าในทีมจึงยิ่งยากขึ้น
ถ้าไม่มีอาการบาดเจ็บช่วงต้นฤดูกาล อะไร ๆ อาจเปลี่ยนไป เอลเลียตต์ อยู่ในทีม 3 นัดแรก แต่ได้ลงเป็นตัวสำรองท้ายเกม 1 นัด อีก 2 นัดก็เป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน
อาร์เน่อ มองว่า เอลเลียตต์ สามารถเล่นริมเส้นหรือเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกก็ได้ แต่ตำแหน่งฝั่งขวายังไงก็ไม่มีใครแทน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ ส่วนบทบาทหมายเลข 10 เฮดโค้ชดัตช์ ชอบ โซโบซไล มากกว่า แม้สถิติยิงประตูจะยังไม่โดดเด่น แต่ความขยันและพละกำลังก็เป็นจุดแข็งที่ อาร์เน่อ ชื่นชมกัปตันทีมชาติฮังการี อยู่เสมอ
แม้ เอลเลียตต์ จะยังพัฒนาไปอีกได้ แต่จุดอ่อนสองอย่างของเขาคือความเร็วกับรูปร่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ยาก เมื่อเทียบกับ โซโบซไล และ โจนส์
เจ้าตัวพยายามเปลี่ยนความผิดหวังเป็นแรงผลักดัน และเข้าไปพูดคุยกับ อาร์เน่อ เพื่อหาทางกลับมาเป็นตัวเลือก เขาเคยให้สัมภาษณ์หลังเกมกับ เบรนต์ฟอร์ด ว่า ตอนนี้เขากำลังโฟกัสเรื่องพละกำลัง
“ถ้าดูทีมตอนนี้ ระยะทางการวิ่งของแต่ละคนมหาศาล ทุกคนวิ่งพล่านตลอดเวลา มันเป็นสิ่งที่ผมทำได้ แต่ผมรู้สึกว่ายังพัฒนาได้อีก”
“เรามีนักเตะที่ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้ อย่าง ดอม (โซโบซไล), เคอร์ติส โจนส์ พวกเขาไล่เพรส วิ่งไม่มีหยุด ผมก็ทำได้ แต่ต้องหาจังหวะให้เจอ ทำให้มันมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ทำไปให้รู้ว่าทำ ผมจะพยายามให้หนักที่สุด”
ชัดเจนว่า เอลเลียตต์ ยังมีบทบาทในทีม ตัวอย่างจาก 6 เกมพรีเมียร์ลีกล่าสุด เขาลงสำรอง 3 นัด คือ เกมชนะ เซาแฮมป์ตัน 3-1, แพ้ ฟูแล่ม 3-2 และล่าสุดชนะ เลสเตอร์ ซึ่งทั้งสามเกม ลิเวอร์พูล ยังไม่ได้นำตอนเขาลงมา และเขาก็สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ทุกนัด
อีก 3 เกมที่เหลือ ชนะ นิวคาสเซิ่ล 2-0, เอฟเวอร์ตัน 1-0 และ เวสต์แฮม 2-1 ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายนำก่อนหมดเวลา 30 นาที ซึ่งทำให้ เอลเลียตต์ ไม่ได้ลง เพราะ อาร์เน่อ มักเปลี่ยนตัวเพื่อเน้นความแน่นอนมากกว่าการเปลี่ยนเพื่อเล่นเกมรุก
เขายิงประตูชัยใน แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดเยือน เปแอสเช และแอสซิสต์ให้ เคียซ่า ทำประตูในเกมชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ แม้สุดท้ายจะแพ้ นิวคาสเซิ่ล
หลังเกมนั้น อาร์เน่อ เคยถูกถามเรื่อง เอลเลียตต์ และ เคียซ่า ก่อนเกมพบเอฟเวอร์ตัน ซึ่งคำตอบก็ดูชัดเจนถึงสถานะของทั้งคู่
“การที่คุณไม่ส่งใครลงสนาม ไม่ได้แปลว่าคุณไม่เชื่อใจพวกเขา”
“ผมเชื่อใจนะ แต่ผมอาจคิดว่าคนอื่นดีกว่า หรือเหมาะกับทีมมากกว่า ไม่งั้นผมคงเลือกต่างออกไป”
เพราะ เอลเลียตต์ อยู่กับทีมชุดใหญ่มานาน หลายคนอาจลืมว่าเขาเพิ่งอายุ 22 ปีเท่านั้น เขาลงเล่นไปแล้ว 142 นัด แต่ช่วงพีกของเขายังมาไม่ถึง
คำถามคือ หากยังอยากพิสูจน์ตัวเองเพื่อแย่งตำแหน่งในทีมของ อาร์เน่อ เขาจะยอมรับบทบาทตัวสำรองต่อไปหรือเปล่า?
และหาก ลิเวอร์พูล เสริมมิดฟิลด์สารพัดประโยชน์เข้ามาอีกในซัมเมอร์นี้ ก็อาจทำให้โอกาสของ เอลเลียตต์ น้อยลงไปอีก และทำให้อนาคตยิ่งไม่แน่นอน
เมื่อแชมป์ พรีเมียร์ลีก ถูกตัดสินลง อาจเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นมากขึ้นว่า อาร์เน่อ วางบทบาทของ เอลเลียตต์ ไว้อย่างไร
หากยังคงถูกดร็อปไว้ข้างสนาม ก็คงมีคำถามตามมาอีกมากแน่นอน…
HOSSALONSO
,
