จากนักเตะนอกลีก… สู่หัวใจของเลสเตอร์ ซิตี้
ในยุคที่โลกฟุตบอลถูกขับเคลื่อนด้วยตัวเลขและเงินมหาศาล ชื่อของ เจมี่ วาร์ดี้ คือนิยามของ “แรงบันดาลใจ” อย่างแท้จริง
สล็อต เผยโมเมนต์ประทับใจมากสุดของฤดูกาลแรกกับ ลิเวอร์พูล
นักข่าวดังเผยความคืบหน้า แมนยู กับ คุนญ่า-7 แข้งส่อโดนโละ
ย้อนรอย 5 เกมชี้ชะตา! จุดเปลี่ยนที่ทำ อาร์เซน่อล พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25
เมื่อปี 2012 วาร์ดี้ย้ายจากฟลีตวู้ด ทาวน์ ทีมในลีกสมัครเล่น สู่ถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยค่าตัวเพียง 1 ล้านปอนด์ หนทางสู่พรีเมียร์ลีกดูห่างไกล ทว่าสิ่งที่เขามีเหนือกว่าใครคือ “ความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้”
ฤดูกาล 2014/15 เขาเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของ “เดอะ เกรท เอสเคป” พาเลสเตอร์รอดตกชั้นแบบปาฏิหาริย์ ก่อนฤดูกาลถัดมาเขาจะพาสโมสรสร้างประวัติศาสตร์คว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก 2015/16 อย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางอัตราต่อรอง 5000/1
มากกว่าตัวเลข… คือความภักดีที่ไม่มีราคา
ตลอด 13 ปีในเสื้อเลสเตอร์ วาร์ดี้ลงสนาม เกือบ 500 นัด, ยิง เกือบ 200 ประตู, คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คอมมูนิตี้ ชิลด์ และแชมเปี้ยนชิพ 2 สมัย พร้อมคว้ารางวัล ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก (รองเท้าทองคำ) ฤดูกาล 2019/20
แม้จะได้รับข้อเสนอจากหลายทีมใหญ่ในอังกฤษและยุโรป แต่เขา ไม่เคยย้ายไปไหน เพราะสำหรับเขา… เลสเตอร์คือบ้าน
และสนาม “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” คือสถานที่ที่หัวใจของเขาอยู่
วาร์ดี้ยังสร้างสถิติสุดเหลือเชื่อ ยิงประตูในพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกัน ซึ่งยังไม่มีใครทำลายได้จนถึงปัจจุบัน และเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่น ทุกรอบของเอฟเอ คัพ ตั้งแต่รอบคัดเลือกจนถึงรอบชิง
คำอำลาที่ไม่มีวันลืม
ในวัย 38 ปี วาร์ดี้เตรียมลงเล่นเกมสุดท้ายในบ้าน วันที่ 18 พฤษภาคมนี้ ที่สนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม พบกับ อิปสวิช ทาวน์ นับเป็นโอกาสที่แฟนบอลทั่วโลกจะได้กล่าวคำขอบคุณชายผู้ไม่เคยหยุดไล่ล่าฝัน
เขาไม่ได้เป็นแค่ตำนานของเลสเตอร์ ซิตี้ แต่ยังเป็น “แรงบันดาลใจของคนธรรมดา” ที่กลายเป็นยอดนักสู้ระดับพรีเมียร์ลีก ด้วยหัวใจและสองเท้าของเขาเอง
เจมี่ วาร์ดี้… จากนักเตะโนเนม สู่ตำนานจิ้งจอกสยามตลอดกาล
,