เกมรับลิเวอร์พูลพังครึ่งแรก! วิเคราะห์ความผิดพลาดร้ายแรงที่แพ้ ฟูแล่ม

ความพ่ายแพ้ที่ คราเว่น คอตเทจ เหมือนเป็นแผลที่ถูกเปิดออกให้เห็นว่าเกมรับ ลิเวอร์พูล ยังคงมีปัญหา

ปัญหาของมันคือ ความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดการเสียประตู และประเด็นสำคัญที่สุดคือความผิดพลาดส่วนบุคคล

แพ้นัดที่ 2 ในซีซั่น! ลิเวอร์พูล พ่าย ฟูแล่มต้องการ 11 แต้มเพื่อแชมป์
วิเคราะห์บอล แมนยู 0-0 แมนซิตี้ | สามัคคีฟอร์มจืด! 5 ประเด็นผีเจ๊าเรือสุดกร่อย
อย่าทำอีก! นิโคล จวก สล็อต ส่ง โจนส์ เล่นแบ็กขวา เกม ลิเวอร์พูล พ่าย ฟูแล่ม

นานแล้วที่ ลิเวอร์พูล ไม่เจอกับการเสีย 3 ประตูในช่วงครึ่งเวลาแรก

ครั้งล่าสุดที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้คือเกมเยือน แอสตัน วิลล่า ในเดือนตุลาคม ปี 2020 ที่พ่ายไปแบบยับเยิน 2-7 ณ วิลล่า พาร์ค

แล้วมันคงจะดูไม่จืด หาก 45 นาทีหลังที่กระท่อมน้อย นักเตะลิเวอร์พูล ไม่แสดงอะไรที่แตกต่างออกมา

ถึงกระนั้น เครดิตต้องยกให้กับผู้เล่น ฟูแล่ม แต่จริง ๆ แล้วทั้งสามประตูที่ ลิเวอร์พูล เสียไปสามารถหลีกเลี่ยงได้ และล้วนเกิดจากจุดเริ่มต้นจากความผิดพลาดส่วนบุคคล

ประตูแรก : เคอร์ติส โจนส์ ซึ่งถูกจับไปเล่นแบ็กขวาจำเป็น ไม่สามารถเคลียร์บอลที่เสาสองได้ดีพอ 

ท่าทางการเล่นของเขาดูไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ทำให้บอลตกใส่เท้า ไรอัน เซสเซยง ที่ยิงเข้าไปทันที

ประตูที่สอง : แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดบอลขวางสนามพลาดไปเข้าทาง อเล็กซ์ อิโวบี้ ซึ่งได้ช่องยิงผ่านกลุ่มผู้เล่น ลิเวอร์พูล แล้วบอลเจ้ากรรมก็ไปแฉลบ “ร็อบโบ้” เปลี่ยนทางเข้าประตู

ประตูที่สาม : โรดรีโก้ มูนิซ เบียด เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ จนเสียหลัก ก่อนจะจับบอลด้วยชั้นเชิงขั้นสุดและยิงผ่าน ควิวิน เคลเลเฮอร์ ได้อย่างเยือกเย็น 

จริงอยู่ ฟูแล่ม เล่นได้อย่างดุดันและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่การเสียประตูของ ลิเวอร์พูล ดูจะมาจากความผิดพลาดของตัวเองเป็นหลัก

…

“มาดูสิว่า เคอร์ติส จะทำได้ดีแค่ไหนกับสไตล์การเล่นที่แตกต่างออกไป”

นั่นคือคำพูดก่อนเกมของเฮดโค้ชอาร์เน่อ ที่ตอนแรกก็ยังมองภาพไม่ออกว่าสิ่งที่เขาจะสื่อนั้นหมายถึงอะไร

อย่างไรก็ตาม อาร์เน่อ น่าจะทราบดีถึงความอันตรายจากการเปิดบอลด้านข้างของ ฟูแล่ม เมื่อพวกเขาเป็นทีมที่สร้างโอกาสจากการครอสบอลมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้

แล้วเกมที่เจอกันที่ แอนฟิลด์ ทีมเจ้าถิ่นก็เสียสองประตูจากลูกลักษณะแบบนี้

โจนส์ ถึงคราวต้องเจอบททดสอบที่ยากกว่าเดิมจากเกม เมอร์ซี่ย์ ไซด์ ดาร์บี้ 

เมื่อกลางสัปดาห์ เขาคุมพื้นที่ เล่นกับบอล ออกบอล ได้อย่างสบาย ๆ เพราะวันนั้น ลิเวอร์พูล ครองบอลเยอะ

แต่เกมกับ ฟูแล่ม โจนส์ ถูกบีบกดดันทางฝั่งขวาตลอดทั้งเกม

อิโวบี้ มักจะยืนแนวลึกสุดในบรรดาแนวรุก ฟูแล่ม เพื่อล็อกตำแหน่ง โจนส์ ไว้ แล้วเปิดทางให้ แอนโทนี่ โรบินสัน เติมเกมรุกแบบมีอิสระเหมือนที่เคยทำ

โจนส์ ต้องพึ่งการซ้อนของ โรอัน กราเฟนแบร์ก ในการรับมือเกมรับ และมีช็อตที่ถึงขั้นตะโกนบอก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตอนครึ่งแรกที่ไม่ลงมาช่วยเกมรับ

เรื่องเกมรุก โจนส์ ดูเล่นสบายเมื่อ ลิเวอร์พูล ครองบอลบุกขึ้นหน้า แต่กลับมักหลุดตำแหน่งเมื่อเสียการครองบอล ซึ่งก็โดน ฟูแล่ม โต้กลับ

เข้าใจว่านี่คือการแก้ปัญหาระยะสั้น จากคำชมเชยนัดเจอ เอฟเวอร์ตัน จนมาสู่ผลงานไม่สู้ดีเมื่อช่วงค่ำวันอาทิตย์

ก่อนที่ คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ถูกส่งลงมาตอนนาที 67 เพื่อยุติการทดลองนี้ไป

แล้วหนุ่มไอร์แลนด์เหนือ ก็สร้างความแตกต่างได้มากจริง ๆ 

…

ด้วยช่องว่างระยะห่างคะแนนที่ ลิเวอร์พูล สร้างมาตลอดเกือบทั้งฤดูกาล มันก็ยังดีพอที่พวกเขาสามารถรับมือความกดดันจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้

แม้จะพลาดกับการทิ้งเป็น 14 คะแนน แต่เป้าหมายยังคงเดิมคือขออีก 11 แต้ม

อย่างไรก็ดี ผลงาน 45 นาทีเกมนี้เป็นสัญญาณเตือนว่า จะเกิดความประมาทไม่ได้อีก

มองภาพให้กว้างขึ้นจากเกมพ่ายแพ้ 2-3 มันก็เป็นเพียงจุดด่างพร้อยเล็ก ๆ จากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกือบตลอดทั้งซีซั่น

แต่สิ่งที่ อาร์เน่อ และทีมงานต้องย้ำเตือนคือ ไม่ปล่อยให้วันที่แย่วันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการหลุดฟอร์ม

ซึ่งจริง ๆ มันอาจจะเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว จากผลงาน 4 เกมหลังสุด ลิเวอร์พูล ชนะคู่แข่งได้แค่เกมเดียว

ลิเวอร์พูล ยุคกุนซือดัตช์ ได้รับคำชมอย่างมากว่าเป็นทีมที่เล่นด้วยความนิ่ง แตกต่างจากยุค คล็อปป์ ที่เปี่ยมไปด้วยความดุดันและเร้าใจ

เมื่อเข้าสู่ช่วงสำคัญของฤดูกาล พวกเขาจำเป็นต้องรักษาความนิ่งนั้นเอาไว้ เพราะตอนนี้กำลังจะเข้าใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที ทุกที

HOSSALONSO

,