ทัพ “ปีศาจแดง” มีแววอาจจะต้องจบซีซั่นในอันดับที่ต่ำกว่าครึ่งตารางลีกเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1990 ขณะเดียวกันพวกเขาตกรอบเอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ ไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ต่างๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวร้ายในช่วงหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ เพราะ แมนยู มีโอกาสที่จะจบฤดูกาลด้วยรอยยิ้ม หรือเจ็บช้ำระกำใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ก็ได้
ไม่แบ่งใคร! เปดรี้ ลั่นหวังคว้าทริปเปิลแชมป์กับ บาร์เซโลน่า
ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน เงิบ! พรีเมียร์ลีกไม่เลื่อนวันเตะดาร์บี้แมตช์
ตามเทรนด์! ลีกอิตาเลี่ยนทดลองเปิดไมค์แจงวีเออาร์
จบฤดูกาลราวดั่งฝัน
หากมองในแง่บวก โควตาไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงอยู่ในมือของ แมนยูไนเต็ด เพราะถ้าหากพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ได้ นั่นคือเส้นทางลัดที่ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้
วันหวานดังกล่าวยังคงอยู่ในเส้นทาง เมื่อ รูเบน อโมริม แอนด์ โค. มีคิวต้องปะทะกับ โอลิมปิก ลียง 2 เกมในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และถ้าหากสามารถผ่านทีมดังในลีก เอิง ได้ ทีมจะต้องไปปะทะกับ แอธเลติก บิลบา หรือ เรนเจอร์ส ในรอบรองชนะเลิศ
สำหรับโอกาสในการคว้าแชมป์รายการนี้ต้องบอกว่ามีค่อนข้างสูง เพราะคู่แข่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก นอกจาก แอธ.บิลเบา กับ เรนเจอร์ส แล้ว ก็มี สเปอร์ส, แฟร้งค์เฟิร์ต, ลาซิโอ และ โบโด/กลิมท์
นอกจากเรื่องการลุ้นแชมป์ยูโรปา ลีก แล้วอีกเรื่องที่ทีมต้องให้ความสำคัญนั่นก็คือการทำอันดับในพรีเมียร์ลีกให้ดีที่สุด เพื่อที่ทีมจะสามารถจบฤดูกาลนี้ในอันดับครึ่งบนของตารางลีก
ปัจจุบัน แมนยู รั้งอันดับ 13 มี 37 คะแนน โดยห่างจากพื้นที่ครึ่งบนของตารางลีกอยู่ 7 แต้ม แต่หากทีมสามารถเล่นด้วยฟอร์มที่ดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าโอกาสที่จะขยับอันดับให้ได้สูงที่สุดตามเป้าหมายก็มีความเป็นไปได้
นอกเหนือจากเป้าหมายทีมแล้ว เป้าหมายส่วนบุคคลก็เป็นสิ่งที่ แมนยู ต้องการเพื่อที่จะทำให้ทีมสามารถยกระดับฟอร์มการเล่นได้โดดเด่นยิ่งขึ้นในฤดูกาลหน้า เริ่มด้วยการเรียกฟอร์มเก่งของ ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาให้ได้ หลังตอนนี้เจ้าตัวคว่ำเป้าให้กับทีมและประเทศเดนมาร์กได้แล้ว และหวังว่าจะรักษาฟอร์มแบบนี้ได้ต่อไป
ขณะเดียวกัน แมนยูไนเต็ด หวัง ฮอยลุนด์ จะรักษาฟอร์มการเล่นแบบนี้ต่อไป และในที่สุดก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แท้จริงที่สโมสรยอมจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อเขาเสริมทัพ และหากทำแบบนั้นสโมสรอาจไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อกองหน้าเพิ่มก็ได้
เรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ของ แมนยู ในฤดูกาลนี้ก็คือสโมสรมีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยนักเตะคีย์แมนจำนวน 10 รายต้องพักรักษาตัว รวมทั้ง ลิซานโดร มาร์ตีเนซ, อาหมัด ดิยัลโล่, ค็อบบี้ เมนู และ แพทริค ดอร์กู ล่าสุดก็ อายเด็น เฮฟเว่น
ถ้าบรรดานักเตะเหล่านี้สามารถฟื้นฟูร่างกายได้สำเร็จ และค่อยๆ พัฒนาฟอร์มการเล่นในช่วงซัมเมอร์ และปรีซีซั่น งานนี้บอกเลยว่า แมนยู มีโอกาสที่จะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยฟอร์มที่น่ากลัวแน่นอน
จบซีซั่นยิ่งกว่าฝันร้าย
สำหรับฤดูกาลนี้ยังมีเรื่องที่อาจพลิกผันได้อีกมากมายตั้งแต่ตอนนี้ไปจนกระทั่งจบฤดูกาล ซึ่งอาจทำให้ทีมต้องจบซีซั่นด้วยความผิดหวัง โดยเริ่มตั้งแต่การแข่งขันยูโรปา ลีก
แมนยูไนเต็ด อาจพลาดท่าเสียทีให้กับ โอลิมปิก ลียง จนส่งผลให้ร่วงตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งผลงานแบบนั้นจะส่งผลกระทบกับความหวังของทีมไปโดยปริยาย เพราะมันทำให้โควตาไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก แบบอัตโนมัติจบสิ้นทันที และอาจส่งผลต่องบประมาณในการเสริมทัพช่วงซัมเมอร์ด้วย
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องเงิน ต้องยอมรับว่า “เร้ด เดวิลส์” ทุ่มเงินสร้างทีมไปเยอะแต่ผลลัพธ์ที่ได้น่าผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะตอนนี้ทีมรั้งอันดับ 13 และหากเลวร้ายยิ่งกว่านั้นพวกเขามีโอกาสจบในอันดับ 16 ด้วย เนื่องจากมีคะแนนห่างจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด แค่ 3 แต้มเท่านั้น
ถ้าหากเป็นแบบนั้น แมนยู จะจบอันดับในลีกย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งตอนนั้นพวกเขาตกชั้นจากลีกสูงสุดเมืองผู้ดี และแน่นอนว่ามันส่งผลกระทบกับรายได้ที่ทีมจะได้รับในอนาคตด้วย
การจบอันดับที่เลวร้ายมันอาจส่งผลร้ายต่อขวัญกำลังใจของทีม โดยมีสตาร์หลายคนอาจเริ่มคิดที่จะอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หากไม่ได้เล่นในฟุตบอลถ้วยใบโตยุโรป ขณะที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่เคยแสดงออกว่าอยากทิ้งสโมสร แต่ก็ไม่แน่ถ้าทีมไม่ได้โควต้า แชมเปี้ยนส์ ลีก กัปตันบรูโน่ อาจเปลี่ยนใจก็ได้
ส่วนนักเตะคีย์แมนคนอื่นๆ มีแววที่จะเก็บเสื้อผ้าออกไปหาความท้าทายใหม่ อย่างเช่น ค็อบบี้ เมนู, อเลฮานโดร การ์นาโช่ และอีกหลายคน เพราะพวกเขาไม่ต้องการเล่นให้กับทีมที่มีแววว่าจะไร้อนาคต
ทอมเม้ง
,
