ลิเวอร์พูล ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังอังกฤษอีกครั้ง หลังเปิดแอนฟิลด์ไล่ถล่ม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ 5-1 คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลล่าสุด และเพิ่มเกียรติยศคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 20 เทียบเท่าคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมอัปเดต ‘กำแพงแชมเปี้ยนส์’ อันเลื่องชื่อภายในสนามแอนฟิลด์ทันที
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทวงคืนความยิ่งใหญ่จาก “ปีศาจแดง” เท่านั้น แต่ยังทำให้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ ด้วยการกวาดโทรฟี่รายการสำคัญครบ 52 ใบ ทิ้งห่าง ยูไนเต็ด ที่มีอยู่ 48 ใบ อย่างน่าเกรงขาม
ลิเวอร์พูล ประกาศวันแห่ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25 รอบเมือง คนทะลักรอปลดปล่อยเกินล้าน!
6 เกมสำคัญพาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 2024/25! อาร์เซน่อลไล่ไม่ทัน
หงส์แดงยืนหนึ่ง! ลิเวอร์พูล เต็งจ๋า ป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นหน้า
แกรี่ เนวิลล์ ตำนานกองหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงกับยอมรับผ่านรายการสดของ Sky Sports ว่า ตอนนี้ ลิเวอร์พูล เป็น “สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษ” พร้อมย้ำว่าการที่หงส์แดงทำสถิติคว้าแชมป์ลีกเทียบเท่ายูไนเต็ดได้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ และเป็นแรงสะเทือนที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้องรู้สึกอย่างลึกซึ้ง
“นี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คุณนึกถึงบิล แชงคลีย์, บ็อบ เพสลีย์, เคนนี่ ดัลกลิช หรือโจ ฟาแกน… พวกเขาทุกคนต่างเน้นย้ำถึงความสำคัญของแชมป์ลีกมาโดยตลอด และวันนี้ลิเวอร์พูลก็ทำได้” เนวิลล์กล่าว
“ถือเป็นการให้เกียรติสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุด คุณอาจจะถกเถียงได้เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้ 20 สมัยและ ลิเวอร์พูล มีถ้วยยุโรปมากกว่า แต่เมื่อ ลิเวอร์พูล เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สิ่งที่เจ็บปวดคือ น่าเสียดายที่การถกเถียงจบลงไปแล้ว จนกว่ายูไนเต็ดจะประสบความสำเร็จอีกครั้งและคว้าแชมป์ลีกได้”
“มันควรจะทำให้เกิดความสั่นสะเทือนอย่างจริงจังที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อคิดว่า ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง และตอนนี้เป็นสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด [ในอังกฤษ] หลังจากวันนี้… มันควรจะทำให้เกิดอาการใจสลายและเจ็บปวดจริงๆ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะแซงหน้าลิเวอร์พูลได้”
ตลอดประวัติศาสตร์ ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีก 20 สมัย, เอฟเอคัพ 8 สมัย, ลีกคัพ 10 สมัย, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 6 สมัย, ยูฟ่าคัพ/ยูโรปาลีก 3 สมัย, ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ 4 สมัย และฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพอีก 1 สมัย ตอกย้ำสถานะ “ราชันย์ลูกหนังเมืองผู้ดี” อย่างแท้จริง
,