พร้อมกันนี้ มันเลี่ยงไม่ได้เช่นกันที่สื่อบางสำนักของเมืองผู้ดีจะชี้ว่ามันเป็นเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้ที่เข้าข่ายเลวร้ายที่สุดนัดหนึ่งเนื่องจากไม่มีทั้งสกอร์ และความเร้าใจก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะเสมอกันแบบตาข่ายไม่ขาดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2020
1. แม็กไกวร์ ออกสตาร์ต-เดอ ลิกต์ หายหน้า
อาถรรรพ์? แฟน เซาธ์แฮมป์ตัน เซ็ง อารอน แรมสเดล พาทีมตกชั้น
ส่อได้งานใหม่? เอริค เทน ฮาก โผล่ดูเกมบิ๊กแมตช์เซเรียอา
ได้ เป๊ป มาเยอะ! เมริโน่ ชู อาร์เตต้า หนึ่งในกุนซือเก่งสุดในโลก
รูเบน อโมริม กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกส่ง แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงตามคาดหลังส่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเจ้าเวหาลงบู๊ในฐานะกองหน้าช่วงท้ายเกมที่ออกไปแพ้ ฟอเรสต์ 1-0
นอกจาก แม็กไกวร์ ที่ได้เสียบแทน มาตไตส์ เดอ ลิกต์ ซึ่งเกมนี้ไม่มีส่วนร่วมแล้ว ราสมุส ฮอยลุนด์ เป็นอีกรายที่เขี่ย โจชัว เซิร์กซี่ ตกไปเป็นตัวสำรองซึ่งเป็นการปรับโผ 11 คนแรกรวมสองจุด
นอกจากนี้ ลุค ชอว์ ที่หายเดี้ยงแล้วมีชื่อนั่งในซุ้มเป็นครั้งแรกด้วยหลังแบ็คซ้ายกระดูกเปราะหายหน้าไปจากทีมตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2024
อย่างไรก็ดี การจัดโผเกมนี้ของ อโมริม ทำให้ ผีแดง ไม่มีนักเตะท้องถิ่นที่เกิดในเมืองแมนเชสเตอร์ลงเล่นเป็น 11 คนแรกเลยแม้แต่รายเดียว รวมถึงตัวสำรองด้วย ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ มี ฟิล โฟเด้น และ นิโก้ โอเรียลลี่ ลงบู๊รวมทั้งตัวสำรองอย่าง ริโก้ ลูอิส
2. เดอ บรอยน์ คัมแบ็ค
แมนฯ ซิตี้ ส่ง เควิน เดอ บรอยน์ ลงเล่นเป็นตัวจริงหลังจากนัดก่อนที่เฝ้าบ้านคว่ำ เลสเตอร์ 2-0 กองกลางทีมชาติ เบลเยี่ยม ซึ่งประกาศลาทีมหลังหมดสัญญาในซัมเมอร์นี้ได้พักเต็มๆโดยเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม
ฉะนั้นแล้ว เดอ บรอยน์ จะลงเล่นเกมแมนเชสเตอร์ดาร์บี้เป็นนัดสุดท้ายของเขาในการบู๊กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นครั้งที่ 22
รวมแล้ว เรือใบสีฟ้า สลับโผตัวจริงรวมสี่รายจากเกมเมื่อวันพุธโดย ฟิล โฟเด้น ,แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ มาเตโอ โควาซิช ได้ออกสตาร์ตเช่นกัน และเป็น แจ็ค กรีลิช , ซาวินโญ่ ,นิโก้ กอนซาเลซ รวมทั้ง เฌเรมี่ โดกู ที่ตกไปนั่งข้างสนาม
3. ดาร์บี้แมตช์ที่จืดชืด
เกมในครึ่งแรกที่ โรงละครแห่งความฝัน ถือว่าผิดคาดอย่างยิ่งหลังทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และเสมอกันแบบไร้ประตูชนิดที่รูปเกมไม่ชวนให้น่าดูแม้แต่น้อยเนื่องจากต่างฝ่ายก็ไม่มีทีเด็ดทีขาดด้วยกันทั้งคู่
จากภาพรวมพอจะพูดได้ว่าเป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้ด้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ สักเท่าไหร่แม้การครองบอลจะเป็นรองทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 61.7%:38.3% แต่ทั้งสองทีมมีจังหวะสอยตาข่าย 4 หนเท่ากัน และส่งบอลเข้ากรอบ 1 ครั้งเท่ากันแม้อันที่จริง ผีแดง ดูจะทำเสียวได้มากกว่าสำหรับโอกาสที่เกือบเป็นประตู
อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าระยะหลังโดยเฉพาะซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้มีพิษสงเหมือนเคย แถมแชมป์เก่ามีแผงกลางที่สูงวัยมากขึ้นด้วยทั้ง เดอ บรอยน์ , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , อิลคาย กุนโดกัน และ มาเตโอ โควาซิช จึงทำให้ความปราดเปรียวในการสร้างเกมรุกลดน้อยลงไป และส่งผลให้เจ้าบ้านรับมือได้ไม่ยากอย่างที่ควรจะเป็น
4. เป๊ปเบรกบอสเจ๋งสร้างสถิติหรู
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง เรือใบสีฟ้า มีเกมที่เหนือกว่าเจ้าบ้านอย่างชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่พวกเขาส่ง โดกู ลงมาลากเลื้อยแทน โฟเด้น ที่เริ่มกระเผลก และส่งผลให้ ดีโอโก้ ดาโลต์ โดนเล่นงานอย่างหนัก
พร้อมกันนี้ โอมาร์ มาร์มูช ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ได้มากขึ้นกระทั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องอาศัยการเซฟของ อ็องเดร โอนาน่า ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการเสียประตู
อย่างไรก็ดี ด้วยมาตรฐานที่ตกลงไปเนื่องจาก เรือใบสีฟ้า ผ่านเข้ามาถึงช่วงที่หนีไม่พ้นต้องสร้างทีมขึ้นมาใหม่อีกชุด พวกเขาจึงไม่อาจบุกมากำชัยเหนือทีมร่วมเมืองได้ และเสมอกันไปแบบไร้สกอร์
จากสถิติหลังจบ 90 นาที แมนฯ ซิตี้ ครองบอลได้ดีกว่าตามคาด 58.5%:41.5% และแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้ส่องยิงมากกว่า 13:9 ครั้ง แต่ทีมเยือนน่าจะเป็นฝ่ายกำชัยจากการส่งบอลเข้ากรอบได้เหนือกว่า 5:2 ครั้ง ดีที่ว่า โอนาน่า ช่วยเซฟให้ทีมเจ้าบ้านเก็บหนึ่งแต้มได้
จากตัวเลขดังกล่าว เท่ากับว่า เรือใบสีฟ้า สร้างโอกาสที่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้น้อยที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของนายใหญ่สแปนิช มันจึงไม่น่าเซอร์ไพรส์ที่พวกเขาทำได้แค่เจ๊ากับทีมร่วมเมืองด้วยผลเสมอ 0-0
แม้จะแก้เผ็ด อโมริม ไมสำเร็จ และเอาชนะ บอสเจ๋ง ไม่ได้ในการดวลกันตลอดสามหนหลัง แต่อย่างน้อย กวาร์ดิโอล่า ก็ไม่เสียทีให้กับกุนซือโปรตุกีสหลังแพ้มาแล้วสองเกมติดต่อกันซึ่งรวมถึงสมัยที่บอสเจ๋งยังกุมบังเหียน สปอร์ติ้ง ลิสบอน ด้วย
ฉะนั้นแล้ว มันจึงอาจน่าเสียดายแทน อโมริม อยู่เหมือนกันเพราะหากเกมนี้เขามีชัยเหนือ กวาร์ดิโอล่า เป็นนัดที่สามติดต่อกัน นายใหญ่ ผีแดง จะเป็นกุนซือรายที่สี่ที่สยบยอดผู้จัดการทีมชาวเมืองกระทิงได้สามนัดรวดในซีซั่นเดียวกันเช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ (2017/18) , โอเล่ กุนนาร์ โซลชา (2019/20) และ โธมัส ทูเคิ่ล (2020/21)
ในทางกลับกัน แม้จะมีหนึ่งแต้มติดมือในเกมนี้ แต่ แมนฯ ยูไนเต็ด สานผลงานยอดแย่ต่อไปอย่างไม่เลิกราจากปัญหาปืนฝืดเนื่องจากเป็นเกมที่ 12 จาก 31 เกมในศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ที่พวกเขาสอยตาข่ายไม่ได้ และเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดรองจาก เอฟเวอร์ตัน กับ เลสเตอร์ ที่พังประตูคู่แข่งไม่ได้ 13 นัดเท่ากัน
5. สิ้นสุดยุคทอง เดอ บรอยน์
ไม่มีใครปฏิเสธว่า เดอ บรอยน์ เป็นยอดกองกลางอันดับต้นๆของวงการลูกหนัง
แต่ขณะเดียวกันไม่มีพ่อค้าแข้งคนไหนฝืนสังขารได้อันรวมถึงสตาร์ทีมชาติ เบลเยี่ยม ด้วยเนื่องจากเขามีอายุ 33 ปีแล้ว แถมก่อนหน้านี้ผ่านการบาดเจ็บอย่างหนักจนต้องร้างสนามไปนาน และจากนั้นเจ้าตัวก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาได้อีก
จากที่เห็นถึงตอนนี้ เดอ บรอยน์ ไม่มีการผ่านบอลลูกได้เสียที่ยอดเยี่ยมแผ้วทางให้ แมนฯ ซิตี้ ได้ประตูอีกแล้ว มันจึงบ่งบอกว่าเขาผ่านจุดสุดยอดในอาชีพพ่อค้าแข้งไปแล้วซึ่งเขาเองก็น่าจะรู้ดีจึงตัดสินใจอำลา เอติฮัด สเตเดี้ยม เพื่อลดระดับตัวเองไปเล่นในลีกที่ง่ายกว่าซึ่งคาดกันว่าจะเป็น เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ หากเขาจะยังไม่คิดแขวนรองเท้า
เท่าที่ผ่านมา เดอ บรอยน์ มักสร้างปัญหาให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ตลอด แต่ไม่ใช่เกมนี้เนื่องจากเขาไร้เขี้ยวเล็บอย่างสิ้นเชิงโดยก่อนหน้านี้จอมทัพผมทองสอยตาข่าย ผีแดง ได้สามประตู และหกแอสซิสต์อันรวมถึงสองแอสซิสต์ในเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ปี 2023 ที่ เรือใบสีฟ้า เอาชนะ เร้ด เดวิลส์ ได้ 2-1 ด้วย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เดอ บรอยน์ จัดเป็นตำนานนักเตะของ พรีเมียร์ลีก เรียบร้อยแล้วหลังสร้างผลงานแอสซิสต์ 174 ประตูในทุกรายการแบ่งเป็น 118 แอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นสถิติตลอดกาลอันดับสองรองจาก ไรอัน กิ๊กส์ อดีตปีกทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สร้างผลงานได้ 162 แอสซิสต์
,