1. ครึ่งแรกหวือหวา-ครึ่งหลังเหวอรับประทาน
แฟนบอลลิเวอร์พูลคงรู้สึกตื่นเต้นและมีความหวังมากๆ กับฟอร์มการเล่นของทีมในครึ่งแรก เพราะทุกคนเล่นได้ดีมากๆ โดยเฉพาะแนวรุกที่สร้างโอกาสลุ้นทำประตูได้ตลอด
เรอัล มาดริด 1-0 อลาเบส : กามาวิงก้าซัดชัย – เอ็มบั๊ปเป้โดนแดง ลุ้นแชมป์ลา ลีกา ต่อ
ซาลาห์สะกิดฟาน ไดค์ ต่อสัญญา! หวังอยู่ลุยลิเวอร์พูลซีซั่นหน้าด้วยกัน
ฟาน ไดค์ ฉลอง 100 นัดกัปตัน ลิเวอร์พูล! โขกดับ เวสต์แฮม พาทีมจ่อแชมป์พรีเมียร์ลีก
โม ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และหลุยส์ ดิอาซ ประสานงานกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะจังหวะทำประตูขึ้นนำ 1-0 เป็นการประสานงานที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่แดนกลางไปจนถึงแนวรุก ก่อนที่ สตาร์ทีมชาติโคลอมเบีย จะจบสกอร์ได้อย่างเด็ดขาด
จริงๆ แล้ว “หงส์แดง” มีโอกาสเพิ่มสกอร์อีกหลายครั้ง แต่น่าเสียดายที่ขาดความเด็ดขาด ขณะที่ช่วงต้นครึ่งหลังเจ้าบ้านก็มีลุ้นได้ประตูจาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แต่เมื่อบวกสกอร์เพิ่มไม่ได้ ก็ยิ่งทำให้ เวสต์แฮม กลับมามีกำลังใจ
ตั้งแต่นาทีที่ 50 กว่าๆ ไปจนช่วง 4 นาทีสุดท้าย ทัพ “ขุนค้อน” เล่นได้น่ากลัวมากๆ และมีลุ้นตีเสมอหลายครั้งหลายหน จนกระทั่งมาได้ประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งสาวก “เดอะ ค็อป” ต้องยอมรับว่าทีมอ่อนยวบแบบน่าใจหายจริงๆ เดชะบุญที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ โหม่งประตูชัยไม่งั้นนี่จะเป็นอีกเกมที่น่าผิดหวังสำหรับ ลิเวอร์พูล
สำหรับตอนนี้ อาร์เน่อ สล็อต คงต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องสภาพจิตใจและการเล่นเกมรับให้มากกว่านี้ เพราะทีมดูเหมือนจะมีอาการแกว่ง และเล่นแบบสะเปะสะปะเวลาโดนคู่แข่งกดดันหนัก จนทำให้ทรงบอลเสีย และนำไปสู่การเสียประตู
2. ซาลาห์ ทำลายสถิติสุดประทับใจ
ซาลาห์ กลับมามีบทบาทในเกมรุกของ ลิเวอร์พูล อีกครั้ง หลังนักเตะมีส่วนในการได้ประตูของทีมช่วงครึ่งแรก และนั่นทำให้เขาทำสถิติแซงหน้า เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าอาร์เซน่อล และ เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีส่วนกับประตูมากที่สุดต่อซีซั่นในยุคที่พรีเมียร์ลีกมีโปรแกรม 38 แมตช์
“บังโม” เพิ่งจะขยายสัญญาฉบับใหม่กับต้นสังกัดไปจนถึงปี 2027 พร้อมรับค่าเหนื่อยมหาศาล แสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งแรก โดยปั่นป่วนเกมรับของ เวสต์แฮม ได้ตลอด ที่สำคัญจังหวะการเปิดบอลให้ ดิอาซ ทำประตูแสดงให้เห็นถึงสายตาที่เฉียบคม และการวางน้ำหนักบอลที่แม่นยำ
สำหรับจังหวะแอสซิสต์ดังกล่าว ทำให้ ซาลาห์ สร้างสถิติมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำประตูของ 45 ลูกในฤดูกาลนี้ โดยเป็นการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย 27 ลูกกับ 18 แอสซิสต์ แซงหน้า อองรี ที่ทำได้ 44 ประตู (24 ลูกกับ 20 แอสซิสต์) เมื่อฤดูกาล 2002/2003
ขณะเดียวกัน ฮาลันด์ ก็ทำผลงานได้เทียบเท่า ตำนานกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส สำหรับผลงานในฤดูกาล 2022/2023 ซึ่งเป็นซีซั่นเปิดตัวของนักเตะกับการค้าแข้งในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี โดยยิงได้ 36 ประตูกับ 8 แอสซิสต์
ตอนนี้เหลือโปรแกรมในลีกอีก 6 แมตช์ ดังนั้น ซาลาห์ อาจจะมีโอกาสเพิ่มตัวเลขมากกว่านี้ก็ได้
3. ฟาน ไดค์ ฮีโร่-ฟื้นฟูจิตใจ ร็อบโบ้
เกมที่แพ้ ฟูแล่ม หนึ่งในนักเตะที่โดนตำหนิมากๆ นั่นก็คือ ฟาน ไดค์ ซึ่งทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเสียประตูจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ แต่ในเกมกับ เวสต์แฮม เขากลับคืนสู่บัลลังค์ฮีโร่อีกครั้ง
ฟาน ไดค์ โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งในการคุมเกมรับให้กับทีม โดยแทบจะไม่มีจังหวะผิดพลาดเลย และนั่นทำให้แนวรุกของ “เดอะ แฮมเมอร์ส” ไม่สามารถเจาะเข้าไปสร้างความหวาดเสียวบริเวณหน้าประตูของ “หงส์แดง” ได้มากนัก
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งหลัง กัปตันทีมชาวดัตช์ มีอาการเหวอบ้างในบางจังหวะ แต่ก็ยังสามารถคุมสถานการณ์ได้ แม้สุดท้ายจะโดนตีเสมอก็ตาม แต่ท้ายที่สุดเจ้าตัวสามารถขึ้นไปโขกทำประตูชัยให้ทีมคว้าสามคะแนนที่สำคัญได้อย่างยอดเยี่ยม
ตอนนี้ สาวก “เดอะ ค็อป” คงอยากเห็น ฟาน ไดค์ ต่อสัญญาฉบับใหม่ตามรอย ซาลาห์ แต่สวนทางกับแนวรับอีกรายที่แฟนหงส์แดงรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจมากๆ นั่นก็คือ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรอง และดันทำเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายเกม
แม้มันจะเป็นจังหวะสุดวิสัยแต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องโดนตำหนิ เพราะการวิ่งแบบสะเปะสะปะไม่อ่านจังหวะให้ดีนำไปสู่ความเสียหายอย่างร้ายแรง แน่นอนว่า “ร็อบโบ้” โดนโจมตีอย่างหนักในช่วงนี้เพราะในเกมที่แพ้ ฟูแล่ม ผลงานของเขาก็ย่ำแย่ออกทะเลไปไกลเลยทีเดียว
งานนี้ โค้ชอาร์เน่อ คงต้องเรียก โรเบิร์ตสัน เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องความมั่นใจ แต่สำหรับแฟนลิเวอร์พูล อยากเห็นสโมสรลงทุนซื้อแบ็กซ้ายคนใหม่ เพราะ สตาร์ชาวสกอตแลนด์ โรยราทั้งอายุและฟอร์มการเล่น
4. อลีสซง เซฟชัยชนะ
หนึ่งในนักเตะที่ควรได้รับเครดิตสำหรับชัยชนะเหนือ เวสต์แฮม นั่นก็คือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เพราะจังหวะการเซฟสำคัญของเขาหลายครั้งทำให้ทีมรอดจากการเสียประตู
ลิเวอร์พูล ไม่มี “พ่อหมี” ยืนเฝ้าเสา 2 เกมล่าสุดเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บศีรษะจากการเดินทางไปรับใช้ทีมชาติบราซิลช่วงฟีฟ่า เดย์ และการขาดเขาถือเป็นเรื่องเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะเกมที่แพ้ ฟูแล่ม ถ้าหาก อลีสซง ลงทำหน้าที่คาดว่าเขาน่าจะเซฟจังหวะเสียประตูอย่างน้อย 1 ลูกแน่นอน
แมตช์กับ เวสต์แฮม ต้องบอกเลยว่า อลีสซง โชว์ 3-4 ซูเปอร์เซฟ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากไม่ได้ นายด่านชาวบราซิเลียน ช่วยป้องกันประตู งานนี้ “เดอะ เร้ดส์” อาจจะมีสกอร์ตกเป็นรองก็ได้
อลีสซง ยังคงเป็นผู้รักษาประตูที่มีความสำคัญกับทีมมากๆ และแน่นอนว่าหาก ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ เขาถือเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ควรได้รับคำยกย่อง
5. อีก 6 คะแนนเถลิงบัลลังก์แชมป์
สำหรับตอนนี้เชื่อว่าสาวก “เดอะ ค็อป” ทั่วโลก คงคาดหวังที่จะได้เห็นทีมรักเถลิงบัลลังก็แชมป์ลีกในซีซั่นนี้ หลังจากพวกเขาสามารถเก็บแต้มเพิ่มเป็น 76 คะแนนทิ้งห่าง อาร์เซน่อล ไกลสุดกู่ 13 คะแนนและต้องการชัยชนะ 2 จาก 6 เกมที่เหลืออยู่ก็เพียงพอที่จะได้เฉลิมฉลอง
ลูกทีมของมิเกล อาร์เตต้า ทำแต้มหลุดอีกแมตช์ หลังก่อนหน้านี้พวกเขาเสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 และล่าสุดก็เสมอ เบรนท์ฟอร์ด 1-1 นั่นทำให้ทีมพลาดโอกาสทำแต้มไล่กดดัน “หงส์แดง” และถือเป็นความเสียหายอย่างมากต่อการลุ้นแชมป์
ขณะที่ ลิเวอร์พูล แม้จะสะดุดในเกมแพ้ ฟูแล่ม แต่แมตช์นี้พวกเขาสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคว้า 3 คะแนนได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการยกภูเขาออกจากอก เพราะชัยชนะเหนือ เวสต์แฮม มีความสำคัญอย่างมาก เพราะมันทำให้พวกเขาใกล้จะคว้าพรีเมียร์ลีกเต็มทีแล้ว
ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ปิดจ็อบรับแชมป์นั่นหมายความว่าพวกเขาจะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 20 เทียบเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และถือเป็นการเดบิวต์ซีซั่นแรกของ โค้ชอาร์เน่อ กับ ลิเวอร์พูล ที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
ทอมเม้ง
,
