ลิเวอร์พูล พบ สเปอร์ส: 20 สมัยแล้วจ้า! 5 ข้อหงส์ถล่มยับไม่นับญาติไก่

สารบัญ

1. กว่าจะตื่นต้องโดนไปก่อน 

เกมนี้แฟนบอลหงส์แดงคงเห็นได้ชัดว่าลูกทีมของกุนซืออาร์เน่อ สล็อต เล่นค่อนข้างเนือยๆ ในช่วงต้นเกม จังหวะการขึ้นเกมรุกขาดๆ เกินๆ ขณะที่เกมรับมีบางครั้งที่เล่นเสียจังหวะซึ่งอาจเป็นไปได้นว่านักเตะมัวแต่ใจลอยเรื่องการคว้าแชมป์

กุนซือดัตช์คนแรก! อาร์เน่อ สร้างชื่อกระหึ่มหลังคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
อาการออก! แฟน ลิเวอร์พูล เห็นตรงกัน เทรนต์ ย้ายทีมมั้ยหลังหงส์คว้าแชมป์?
อาร์เน่อ สล็อต เข้าทำเนียบ! กุนซือรายที่5ซิวแชมป์พรีเมียร์ลีกตั้งแต่ปีแรก

จังหวะที่เสียประตูเป็นการยืนตำแหน่งที่แย่มากๆ ทั้ง หลุยส์ ดิอาซ และ ไรอัน กราเฟ่นแบร์ก ปล่อยให้ โดมินิค โซลันกี้ ได้วิ่งขึ้นไปโหม่งแบบสบายๆ ขณะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ก็ดันกะจังหวะบอลพลาดทำให้โหม่งไม่โดนด้วย 

อย่างไรก็ตาม การโดนนำไปก่อนส่งผลให้ขุนพล “เดอะ เร้ดส์” ตาสว่าง และกลับมาเล่นอย่างมีสมาธิ โดยทุกคนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่เสียบอลง่ายๆ และเข้าบอลเร็วทุกจังหวะจนทำให้นักเตะสเปอร์สไม่สามารถตั้งเกมสู้ได้เลย

การประสานงานตั้งแต่แดนหลังไปจนถึงแนวรุกทำได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้เล่นทุกคนพยายามวิ่งหาพื้นที่ว่างเพื่อที่จะสร้างโอกาสในการทำประตู และผลงานดังกล่าวนำไปสู่การผลิดอกออกผลถึง 5 ลูก

อย่างไรก็ตาม หากมองลึกลงไป เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะนักเตะทุกคนควรโฟกัสไปที่เกมไม่ใช่เรื่องอื่น สำหรับกรณีนี้ โค้ชอาร์เน่อ คงต้องเน้นย้ำลูกทีมให้มากยิ่งขึ้น ดีที่ว่าแมตช์นี้ ลิเวอร์พูล ไม่ค่อยกดดัน ไม่อย่างนั้นสกอร์อาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ 

2. แม็คก้า สุดยอด, แดนกลางเล่นเด่น

สำหรับนักเตะที่ต้องบอกว่าเล่นได้โดดเด่นที่สุดในแมตช์นี้ แน่นอนว่าสาวก “เดอะ ค็อป” ต้องยกให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เพราะทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ ทั้งการเล่นเกมรุก และรับ ที่สำคัญยังเป็นคนที่เชื่อมเกมได้ดีมากๆ

“แม็คก้า” สวมบทบาทจอมทัพคอยทำหน้าที่ทั้งปั้นเกม และคุมจังหวะการเล่น นอกจากนี้ยังรับหน้าที่เตะมุม ซึ่งการเปิดบอลของเขามีส่วนทำให้ โกดี้ คักโป ได้ยิงประตู 3-1 ในช่วงท้ายครึ่งแรกด้วย ต้องยอมรับว่า แม็ค อัลลิสเตอร์ ทำผลงานได้ดีมากๆ ในการเล่นลูกตั้งเตะ นอกจากนี้เขายังขยันลงมาช่วยเกมรับ และตัดบอลจากคู่แข่งได้หลายครั้งหลายหน 

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่ สตาร์ชาวอาร์เจนไตน์ เท่านั้นที่เล่นได้ดี เพราะในแผนมิดฟิลด์ได้แก่ กราเฟ่นแบร์ก กับ โดมินิค โซโบซไล ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน จังหวะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ยิงประตูราวกับจรวด ต้องยกเครดิตให้กับ กราเฟ่นแบร์ก ที่เข้าไปแย่งบอลจนนำไปสู่ประตูนำ 2-1

ขณะที่ “โซโบ” ฟอร์มเจ๋งมากๆ ทั้งการประสานงานกับ โม ซาลาห์ จนนำไปสู่การแอสซิสต์ให้ หลุยส์ ดิอาซ นอกจากนี้ กัปตันทีมชาติฮังการี ยังแอสซิสต์ให้ “บังโม” ด้วย แมตช์นี้ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวเล่นด้วยความมุ่งมั่น และใส่พลังเต็มสูบจริงๆ 

ตอนนี้ แม็ค อัลลิสเตอร์, กราเฟ่นแบร์ก และ โซโบซไล คือสามกุญแจสำคัญในแดนกลางที่ โค้ชอาร์เน่อ จะใช้เป็นแกนหลักสำหรับป้องกันแชมป์ในฤดูกาลหน้า ส่วน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ กับ เคอร์ติส โจนส์ คอยทำหน้าที่เป็นกองหนุน 

3. ซาลาห์ สร้างสถิติอีกแล้ว

หลังจากที่ไร้ประตู 5 เกมแต่ตอนนี้ โม ซาลาห์ กลับคืนสู่ฟอร์มโหดอีกครั้ง และไม่ใช่แค่ยิงประตูเท่านั้น แต่ผลงานโดยรวมในเกมถล่มยับไม่นับญาติ สเปอร์ส ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ และเป็นสิ่งที่สาวก “เดอะ ค็อป” อยากเห็นมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา

จังหวะเช็กบิลได้หนึ่งเม็ดพาทีมนำห่าง 4-1 (ชนะ 5-1) ของ “บังโม” ทำให้ตอนนี้เขาตะบันไปแล้ว 185 ลูกในเกมพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำให้ ซาลาห์ สร้างชื่อเป็นพ่อค้าแข้งต่างแดนที่กระทุ้งประตูในรายการดังกล่าวได้มากที่สุด

ก่อนหน้านี้สตาร์ต่างแดนที่ซัดประตูมากที่สุดในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็คือ เซร์คิโอ อเกวโร่ อดีตกองหน้า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยการตะบันไป 184 ประตู ขณะที่อีกคนก็คือ เธียร์รี่ อองรี ตำนานอาร์เซน่อล ซึ่งสอยไป 175 ลูก

ปัจจุบัน “คิงโม” รั้งอันดับดาวซัลโวสูงสุดด้วยการซัดไป 28 ประตู กับ 18 แอสซิสต์ โดยตอนนี้เหลือโปรแกรมลงสนามอีก 4 เกม ถ้า โค้ชอาร์เน่อ ไม่ดร็อปนักเตะ เชื่อว่าเจ้าตัวน่าจะมีโอกาสได้สร้างสถิติอีกมากมายแน่นอน 

สำหรับตอนนี้ ซาลาห์ มีส่วนกับการทำประตูของ ลิเวอร์พูล รวม 46 ลูก (ยิง 28, แอสซิสต์ 18) ในฤดูกาลนี้ โดยตามหลัง อลัน เชียเรอร์ แค่ลูกเดียวซึ่ง “ฮอตชอต” ทำสถิติ 47 ประตู (ยิง 34, แอสซิสต์ 13) ต่อ 1 ซีซั่นสมัยเล่นให้ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และการที่เหลือเกมลีกอีก 4 แมตช์ มีโอกาสที่ “บังโม” ลุ้นทาบสถิติหรือแซงหน้าก็ได้ 

4. แชมป์ลีกสมัยที่ 20 กับการฉลองที่สมบูรณ์แบบ

ย้อนกลับไปฤดูกาล 2019/2020 เจอร์เก้น คล็อปป์ นำ ลิเวอร์พูล ยุติ 3 ทศวรรษแห่งการรอคอยด้วยการผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างยิ่งใหญ่ แต่น่าเสียดายที่มันไม่สุด เพราะช่วงเวลาดังกล่าวมีมาตรการป้องกัน โควิด 19

ตอนนั้นบรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” มีความสุขมากๆ เพราะพวกเขารอคอยสิ่งนี้มาอย่างยาวนาน บางคนพ่อแม่ หรือเพื่อนสนิทต้องจากไปก่อนจะได้เห็นความสำเร็จนี้ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้เฉลิมฉลองแชมป์ที่เฝ้ารอถึง 30 ปี และไม่มีการแห่โทรฟี่แชมป์รอบเมืองลิเวอร์พูลด้วย

ก่อนแมตช์นี้จะเปิดฉากแฟนหงส์แดงทั่วโลกคงได้เห็นบรรดากองเชียร์สวมเสื้อสีแดงพร้อมกับมายืนต้อนรับนักเตะกันอย่างเนืองแน่น รวมทั้งยังร้องเพลงและส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น เพราะรู้ว่าอีกไม่กี่อึดใจพวกเขาจะได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมานานจากเมื่อ 5 ปีที่แล้วซะที

หลังจากสิ้นเสียงนกหวีดพร้อมกับชัยชนะอย่างถล่มทลายในเกมรับมือ สเปอร์ส นั่นทำให้เหล่าสาวก “เดอะ ค็อป” ที่อยู่ในสนามและบริเวณรอบๆ แอนฟิลด์ ต่างร้องรำทำเพลงอย่างเต็มที่ ขณะที่แฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลกก็ฉลองกันอย่างสุดเหวี่ยง

ที่สำคัญนี่คือการคว้าแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลตัวเองในแอนฟิลด์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คว่ำ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส 2-1 คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 18 ประจำซีซั่น 1989/1990 (สมัยที่ยังใช้ชื่อ ดิวิชั่น 1) แถมยังเป็นการคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 20

5. สองดัตช์สร้างประวัติศาสตร์

ตอนที่ อาร์เน่อ เข้ารับตำแหน่งแทน เจอร์เก้น คล็อปป์ ช่วงซัมเมอร์ บรรดากูรูลูกหนังหรือแฟนบอลบางทีมแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล คงเข้าสู่ยุคตั้งไข่ และผลงานไม่น่าจะโดดเด่น แถมมีสิทธิ์หลุดท็อปโฟร์ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวดัตช์ แสดงให้เห็นแล้วคนเหล่านั้นคิดผิด และสามารถนำ “เดอะ เร้ดส์” รักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขานำทีมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงลีกจนกระทั่งคว้าแชมป์ได้นานถึง 206 วันในฤดูกาลนี้ มากกว่า แมนซิตี้ ที่ทำได้ 165 วัน นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าทีมของเขามีความคงเส้นคงวาอย่างมาก

สำหรับความสำเร็จของ อาร์เน่อ ทำให้เขากลายเป็นนายใหญ่ชาวดัตช์คนแรกที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ขณะเดียวกัน เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ยังเป็นกัปตันทีมชาวดัตช์คนแรกที่ได้ชูโทรฟี่แชมป์ลีกด้วย ซึ่งถือเป็นความยิ่งใหญ่ของประเทศเนเธอร์แลนด์อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ อาร์เน่อ ยังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นกุนซือคนที่ 5 ที่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ทันทีในฤดูกาลแรกที่เข้ามากุมบังเหียน โดยก่อนหน้านี้ได้แก่ โชเซ่ มูรินโญ่ (เชลซี ฤดูกาล 2004/2005), คาร์โล อันเชลอตติ (เชลซี ฤดูกาล 2009/2010), มานูเอล เปเยกรีนี่ (แมนซิตี้ ฤดูกาล 2013/2014) และ อันโตนิโอ คอนเต้ (เชลซี ฤดูกาล 2016/2017) 

ขณะเดียวกัน โค้ชอาร์เน่อ ในวัย 46 ปี ถือเป็นผู้จัดการทีมอายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสามที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก รองจาก โชเซ่ มูรินโญ่ (เชลซี) และ เคนนี่ ดัลกลิช (แบล็คเบิร์น) นี่คือซีซั่นแห่งประวัติศาสตร์สำหรับชาวดัตช์จริงๆ 

TOMMY T.

,

บริการ

tag:
กีฬาต่างประเทศ ข่าวกีฬา ตลาดนักเตะ ตารางบอล ตารางบอลวันนี้ ทีมชาติไทย นิวคาสเซิ่ล บอลวันนี้ บาร์เซโลน่า บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีกา บ้านผลบอล ปีศาจแดง ผลบอล ผลบอลเมื่อคืน ผีแดง พรีเมียร์ พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีกอังกฤษ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฟุตบอลต่างประเทศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูโรปา ลีก รูเบน อโมริม ลาลีกา ลาลีกา สเปน ลิเวอร์พูล วิเคราะห์บอล สเปอร์ส หงส์แดง อาร์เซน่อล อาร์เน่อ สล็อต เชลซี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เปแอสเช เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เรอัล มาดริด แมนซิตี้ แมนยู แมนยูไนเต็ด แมนฯ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แอสตัน วิลล่า โปรแกรมบอล โปรแกรมบอลวันนี้