ฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัด 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา เยอรมนี กลับมาเฝ้ารังบ้างรับมือ อิตาลี หลังเกมแรกบุกไปคว้าชัยถึงถิ่น 2-1
เปิดฉากครึ่งแรกมา เป็นเจ้าบ้านทัพ “อินทรีเหล็ก” ที่ครองบอลได้มากกว่าและสร้างโอกาสเพื่อชิงขึ้นนำไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหาโอกาสส่องไป 12 ครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า
วิเคราะห์บอล โปรตุเกส พบ เดนมาร์ก วันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค. 68
วิเคราะห์บอล เยอรมนี พบ อิตาลี วันอาทิตย์ที่ 23 มี.ค. 68
ผลบอล อังกฤษ พบ แอลเบเนีย : “โธมัส ทูเคิ่ล” ประเดิมหรู “สิงโตคำราม” เฮคัดบอลโลก
กระทั้ง นาที 29 แฟนอินทรีเหล็กได้เฮกันลั่นเมื่อ เยอรมนี มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง ทิม ไคลน์ดีนส์ต กำลังหลุดเข้าไปแต่โดน อเลสซานโดร บวนจอร์โน่ เซ็นเตอร์แบ็กอิตาลีดึงล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันทีก่อนที่ โยชัว คิมมิช จะสังหารเข้าไปไม่พลาดให้ เยอรมนี ขึ้นนำ 1-0 สกอร์รวมสองนัดหนีห่างเป็น 3-1
นาที 36 เยอรมนี หนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ทัพอัซซูร์รี่ยังไม่ทันตั้งตัวหลังเสียเตะมุม โยชัว คิมมิช รีบไปเอาบอลมาตั้งที่มุมธงก่อนเปิดเร็วมาให้ จามาล มูเซียล่า ที่ยืนโล่งๆไร้ตัวประกบซัดเข้าไปง่ายๆ ชนิดที่แข้ง อิตาลี ไม่คาดคิด สกอร์รวมตอนนี้กลายเป็น เยอรมัน นำห่างเป็น 4-1
เท่านั้นไม่พอ นาที 45 สกอร์ของเจ้าบ้านนำโด่งเป็น 3-0 จากจังหวะที่ อิตาลี โดนเพรสจนเสียบอลกลางสนาม ก่อนโกเร็ตซ์ก้า จะไหลออกขวาให้ คิมมิช ตักมาเสาไกลให้ ทิม ไคลน์ดีนส์ต เทกตัวโขกเข้าไปแม้จะโดนแนวรับอิตาลีเคลียร์ออกมา แต่ผู้ตัดสินได้รับสัญญาณว่าบอลข้ามเส้นไปแล้ว เป่ายืนยันให้ เยอรมนี ได้ประตูหนีห่าง อิตาลี 3-0 สกอร์รวมนำโด่ง 5-1 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเริ่มมาได้แค่ นาที 49 อิตาลี มาได้ประตูตีไข่แตกจากการยิงของ มอยเซ่ เคน เข้าไปพาทัพอัซซูร์รี่ไล่มาเป็น 1-3 สกอร์รวมสองนัด “อินทรีเหล็ก” ยังนำอยู่ 5-2
นาที 69 แฟนบอลอินทรีเหล็กต้องเงียบกันกริบหลัง มอยเซ่ เคน โชว์ทีเด็ดซัดบอลผ่านมือ เบามันน์ เข้าไปกระทบตาข่าย เป็นประตูที่สองของดาวยิงจากฟิออเรนตินาในเกมนี้ พร้อมพา อิตาลี ไล่มา 2-3 (สกอร์รวม เยอรมนี นำ 5-3)
นาที 75 อิตาลี มาได้ลูกที่จุดโทษหลัง โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ เรียกฟาวล์ได้ แต่ทว่า VAR แย้งก่อนผู้ตัดสินว่ิงไปดูจอข้างสนาม กลับคำตัดสินไม่ให้จุดโทษแก่อิตาลีหลังเชิ้ตดำมองว่า ดิ ลอเรนโซ่ ล้มไปเองแม้ นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค จะสไลด์มาขวางจนล้มลงไปแต่ไม่มีน้ำหนักพอให้จุดโทษ
ท้ายเกมช่วงทดเวลาเจ็บ นาที 95+5 เยอรมนี มาเสียจุดโทษหลัง ผู้ตัดสินวิ่งไปดูจอข้างสนามแล้วเป่าให้จุดโทษหลัง มักซิมิเลี่ยน มิตเทลชเตดท์ ทำเสียแฮนด์บอล ก่อนที่ จาโคโม่ ราสปาโดรี่ ตัวสำรองของ อิตาลี จะรับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ก่อนจบเกมเสมอกันแบบสุดเดือด 3-3 ทว่ารวมสองนัด เยอรมนี ผ่านเข้ารอบสี่ทีมสุดท้าย ด้วยประตูรวม 5-4 โดยจะเข้าไปรอพบ โปรตุเกส หรือเดนมาร์ก ในวันที่ 4 มิถุนายนนี้
รายชื่อ 11 ผู้เล่นทั้งสองทีม
เยอรมนี (3-4-2-1) : โอลิเวอร์ เบามันน์ – นิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค, โจนาธาน ทาห์, อันโตนิโอ รือดิเกอร์ – โยชัว คิมมิช, แองเกโล่ สติลเลอร์, เลออน โกเร็ตซ์ก้า, มักซิมิเลี่ยน มิตเทลชเตดท์ – เลรอย ซาเน่, จามาล มูเซียล่า – ทิม ไคลน์ดีนส์ต
อิตาลี (3-5-1-1) : จานลุยจิ ดอนนารุมม่า – เฟเดริโก้ กัตติ, อเลสซานโดร บวนจอร์โน่, อเลสซานโดร บาสโตนี่ – โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, นิโคโล่ บาเรลล่า, ซามูเอเล่ ริชชี่, ซานโดร โตนาลี่, เดสตินี่ อูโดกี้ – มอยเซ่ เคน, ดานิเอเล่ มัลดินี่
,
