ในวันที่พ่ายแพ้ ย่อมมีคนมองเห็นข้อเสีย ความผิดพลาดของคุณเต็มไปหมด หากแต่สิ่งที่จะบอกคุณได้ว่า นั่นใช่หรือไม่ มันเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ก็คือเหตุและผล
เลกแรกที่ เอมิเรตส์ ผู้คนแต่พูดถึงฟรีคิกของ ดีแคน ไรซ์ กับเกมรับอันเปื่อยยุ่ยของ มาดริด แต่สิ่งที่ออกมาแย่ไม่แพ้กันก็คือเกมรุกของ มาดริด
หึ่ง มาดริด เตรียมเด้ง อันเชล็อตติ หลังนัดชิงโกปา! สื่อโยงคุมทีมชาติบราซิลอีกระลอก
บาร์ซ่า หรือ อาร์เซน่อล? ซูเปอร์คอมพ์-บ่อนดังมองต่าง เต็งแชมป์ UCL 2025
หมดใจเร้ดบูลล์? สื่อชี้คล็อปป์สนแค่ 2 งานใหญ่ 1 ทีมชาติกับ 1 สโมสร
เกมรุก มาดริด ไม่ระคายผิว อาร์เซน่อล เลย ทั้งๆที่มีสตาร์ดังระดับโลกเต็มทีม
ดังนั้นการที่จะพลิกสถานการณ์ ยิงให้ได้ 3 ประตูเป็นอย่างน้อย ทีมจะต้องมีไอเดียใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากเกมแรกที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
แต่เกมที่ เบร์นาเบว ผมมองไม่เห็นว่าอะไรคืออะไรคือไอเดียที่ว่า ?
กันเรื่องยิงได้-ไม่ได้ออกไป ว่ากันที่เรื่องของไอเดีย
ไอเดียในเกมนี้คืออะไร ? รูปแบบ ? วิธีการ ? บอกตรงๆว่าผมไม่เห็นมันเลย
วินิซิอุส ยังเล่นแบบที่เคยเล่น อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากไป เอ็มบั๊บเป้ วิ่งส่ายไปมา พยายามองหาช่องในแบบเดิมๆ
โรดรีโก้ เกมที่แล้วกับเกมนี้ไม่มีอะไรแตกต่าง จังหวะตัวต่อตัวไม่ผ่านผู้เล่น อาร์เซน่อล เลย
ส่วน จู๊ด ,วัลเวร์เด้ ลำพังวิ่งไล่เอาบอลคืนมาจากผู้เล่นอาร์เซน่อลก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว
ครับ มันเดิมๆทั้งนั้น ไม่มีอะไรใหม่เลย
เมื่อ วินิซิอุส เลี้ยงไม่ผ่าน ไปสุดเส้นหลังก็ถูกตามทัน ตัดเข้าในก็โดนชิงเหลี่ยมเบียดเอาไปกิน
สุดท้าย เกมรุกจึงไปจบที่การครอสบอลเข้าไป ครอสครั้งแล้ว ครั้งเล่า สลับไปมาอยู่อย่างนี้ ซึ่งลูกโด่งเนี่ย แผงหลังกันเนอร์ส นาทีนี้กระโดดโหม่งได้ทั้งวันนั่นแหละ
ยังจำได้ อันเชล็อตติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่าสิ่งสำคัญเสียยิ่งกว่าได้ประตูเร็ว ก็คือการ ‘คอนโทรลเกม’ เอาไว้ในมือ มานึกย้อนแล้วก็เห็นว่าจริง เพียงเสียดายที่ไม่ใช่ มาดริด
อาร์เซน่อล ตั้งรับก็จริง แต่พวกเขานี่แหละที่เป็นฝ่ายคอนโทรลเกม เห็นได้ชัดเลยก็คือวิธีการเล่นหลังจากตัดบอลได้
นักเตะอาร์เซน่อล สามารถกำหนดได้หมดว่าพวกเขาจะทำอะไรกับลูกบอล จะตีโต้ทันที หรือ จะดึงช้าเพื่อเผาเวลา
จุดเด่นของ อาร์เซน่อล เมื่อคืนที่ดีมากๆคือคุณภาพในการครองบอล นักเตะทุกคนทำได้ดีมาก เหนียวแน่น เสียยาก ออกบอลแม่นยำ ไม่มีลนลาน รับมือกับการไล่ล่าจาก มาดริด ได้ดี ถึงระดับที่อาจพูดได้ว่า “ชิลๆ”
อาร์เซน่อล ไม่ได้มีประสบการณ์ในเกมระดับนี้มากนัก ซึ่งผมไม่รู้ว่า อาร์เตต้า พูดอะไรกับลูกทีมก่อนเกม พวกเขาถึงได้ดูผ่อนคลายเอามากๆ
อาร์เซน่อล ช้าและเร็วได้ตามใจชอบ จะรุก หรือ เก็บบอล ก็เลือกได้ตามใจชอบเช่นกัน และทุกครั้งที่ได้ครองบอล นักเตะมาดริดจะใช้เวลาอยู่นานกว่าจะแย่งกลับมาได้
เมื่อแย่งไม่ได้ ก็ฟาวล์มันดื้อๆ เข้าบอลในลักษณะที่รู้ทั้งรู้ว่าฟาวล์ ทั้งเหวี่ยง เตะ เหนี่ยว มีลูกแถมลูกตอดตลอด
เล่นในบ้าน ประสบการณ์มากกว่า แทนที่ มาดริด สั่นคลอนความมั่นใจนักเตะอาร์เซน่อล กลายเป็นว่าฝั่ง มาดริด ที่หงุดหงิดหัวเสีย และเดินเข้าสู่เกมของผู้มาเยือนโดยไม่รู้ตัว
ประตูขึ้นนำของ อาร์เซน่อล จาก บูกาโย่ ซาก้า เป็นจังหวะเข้าทำที่ยอดเยี่ยม ส่วนประตูตีเสมอของ วินิซิอุส มาจากความขยัน และความเลินเล่อของ ซาลิบา ไม่ได้มาจากเกม
แต่นั่นคือข้อผิดพลาดเดียวในเกมของทีมปืนใหญ่ซึ่งมันไม่มีอะไรเสียหายเมื่อมองจากสกอร์บอร์ดที่นำห่าง 4 ประตู
จนปลายเกม ประตูของ มาร์ติเนลลี่ ก็ตอกย้ำทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่ได้ตอกย้ำว่า “มันจบแล้ว”
แต่ตอกย้ำว่าภาพของ มาดริด ใน แชมเปี้ยนส์ลีก ปีนี้ น่าผิดหวังขนาดไหน ซึ่งมีการพูดย้อนไปถึงแผนงานในช่วงซัมเมอร์ , การตัดสินใจของบอร์ดในตลาดหน้าหนาว พร้อมๆกับตั้งคำถามว่า “สิ้นสุดวัฏจักรของ อันเชล็อตติ แล้วหรือยัง ?”
กับ อันเชล็อตติ อาจไม่ยุติธรรมนัก เมื่อดูจากผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซีซั่นที่แล้ว แต่ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือ “เมื่อมันจบ มันก็คือจบ” ถึงแม้ว่ามันจะเคยดีมากๆก็ตาม
ตกรอบหนนี้ แรงกระแทกมหาศาลจริงๆสำหรับ ราชันชุดขาว เพราะมันคือการตกจากจุดที่สูงที่สุด
มองในแง่ดี เมื่อสูงสุดคืนสู่สามัญ ก็ให้ถือเป็นสัญญาณการเริ่มวัฏจักรใหม่เพื่อไต่กลับไปยังจุดเดิม เพียงแต่บอร์ดเองก็ต้องมองในทิศทางเดียวกัน ต้องตระหนักว่า
“เวลานี้ทีมต้องการอะไร อย่าเพิกเฉยเหมือนที่ผ่านมาจนมันพังทลาย”
#เจมส์ลาลีกา
,
