แซร์โจ้ คอนไซเซา เทรนเนอร์ เอซี มิลาน กล่าวว่าผิดหวังพอตัวที่หลายคนไม่ให้ความเคารพเขามากเท่าที่ควร หลังล่าสุดเขาโดนตำหนิจากการพาทีมแพ้ อตาลันต้า 0-1 คารัง ซาน ซิโร่ ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี จนทำให้ตอนนี้ทีมหล่นไปเป็นอันดับ 9 ของตารางคะแนน
ตอนที่ได้รับการแต่งตั้งเข้ามาคุม มิลาน ในช่วงกลางฤดูกาลนี้นั้น คอนไซเซา เปิดตัวได้อย่างสวยหรูจากการพาทีมได้แชมป์ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาฟอร์มโดยรวมของ “รอสโซเนรี่” ก็ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นัก ส่งผลให้มีแฟนบอลบางส่วนที่ต้องการให้ คอนไซเซา ออกจากตำแหน่งทั้งที่ยังทำงานได้เพียงไม่กี่เดือน
ผลบอล โบโลญญ่า 1-0 อินเตอร์ : งูใหญ่พ่ายนาทีบาป แต้มเท่านาโปลี ลุ้นแชมป์เซเรียอายังเดือด
ผลบอลกัลโช่: แม็คโทมิเนย์ โขกชัย! นาโปลีบุกเฉือนมอนซ่า 1-0 ลุ้นแชมป์เดือด
ซาสซูโอโล่ เลื่อนชั้นกลับเซเรียอา! การันตีกลับลีกสูงสุดอิตาลีหลังตกชั้นแค่ปีเดียว
ทั้งนี้ ในฤดูกาล 2024-25 มิลาน ยังมีลุ้นแชมป์อีก 1 รายการ นั่นคือ โคปปา อิตาเลีย หลังจากตอนนี้พวกเขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ และเตรียมจะเล่นนัดสองกับ อินเตอร์ มิลาน ในวันที่ 23 เมษายนนี้ หลังจากนัดแรกเสมอกันมา 1-1
หลังโดนถามถึงอนาคตของตัวเองแล้วนั้น คอนไซเซา ก็ตอบว่า “นับตั้งแต่ที่ผมเข้ามาทำงานกับที่นี่พวกเขาก็เอาแต่พูดถึงเรื่องโค้ชคนอื่นๆ ที่น่าจะเข้ามาคุม มิลาน มันก็มีการพูดถึงเรื่องนั้นแม้กระทั่งตอนที่ผมได้แชมป์ ซูเปอร์โคปปา และตอนที่ผมชนะเกม เซเรีย อา นัดแรกกับ กายารี่ ด้วยซ้ำ”
“ผมอยู่ในวงการฟุตบอลมาได้ 40 ปีแล้ว แต่คนที่ร่วมงานกับผมต้องมาเห็นเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมันไม่ได้ช่วยทำให้เกิดความมั่นคงเลย เราต้องทำงานอย่างหนักในวันนี้ด้วยเป้าหมายที่ว่าต้องเก่งขึ้นในวันพรุ่งนี้ ถ้าเราไปมองไกลถึงเรื่อง 1 เดือนหลังจากนี้มันก็จะทำให้เกิดความยุ่งยาก”
“สำหรับผมแล้วมันเจ็บปวดสุดๆ ที่หลายครั้งผมไม่ได้รับความเคารพมากเท่าที่ควร หลายคนพูดเกี่ยวกับกุนซือของ มิลาน ในแบบที่เหมือนกับว่าคนๆ นั้นไม่เคยอยู่ในห้องแต่งตัวมาก่อน หรือไม่เคยทำงานในวงการฟตุบอลมาก่อน ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องจริงเลย”
“อนาคตของผมคือวันพรุ่งนี้เพื่อที่ผมจะได้เตรียมพร้อมสำหรับเกมกับ อินเตอร์ ในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่เราจะได้ไปถึงนัดชิงชนะเลิศแล้วพยายามคว้าแชมป์มาครอง ผมจะไม่ได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ มิลาน ได้แชมป์ถึง 2 รายการในซีซั่นเดียวน่ะมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรจะเกิดขึ้น”
,